นัด 9 พ.ย.ไต่สวนคดี 39 ร้านอาหารฟ้องนายกฯ-เรียก 50 ล.ออกคำสั่งปิดช่วงโควิดฯ
ศาลแพ่งนัดไต่สวน 9 พ.ย. ผ่าน Zoom คดี “บ.เดอะเนฟเวอร์ฯ” พ่วง 39 ร้านขายอาหาร-เครื่องดื่ม ฟ้อง “บิ๊กตู่” พร้อม ก.คลัง-สธ.-มท.-กทม. ปมออกคำสั่งปิด ทำให้ดำเนินกิจการได้ไม่เต็มที่ เรียกค่าชดใช้ 50 ล้าน ดอกเบี้ย 5% ต่อปี จ่ายรายเดือน 3.33 แสนบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2564 ศาลแพ่งนัดไต่สวน คดีหมายเลขดำที่ พ4412/2564 กรณีบริษัท เดอะเนฟเวอร์ เอนดิง ซัมเมอร์ จำกัด ผู้ประกอบกิจการเกี่ยวกับร้านจำหน่ายอาหารและ/หรือเครื่องดื่ม และตัวแทนของสมาชิกกลุ่มประกอบกิจการประกอบกิจการเกี่ยวกับร้านจำหน่ายอาหารและ/หรือเครื่องดื่ม ซึ่งมีสมาชิกกลุ่มรวม 39 คน ยื่นฟ้องพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) กระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และกรุงเทพมหานคร ต่อศาลแพ่ง โดยขออนุญาตให้ดำเนินคดีแบบกลุ่ม
สรุปคำฟ้องได้ใจความว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Coronavirus Disease : COVID-19) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ปล่อยปละละเลย จงใจหรือประมาทเลินเล่อก่อให้เกิดต้นเหตุของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าวแบบกลุ่มก้อนหลายครั้ง พลเอกประยุทธ์และเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และกรุงเทพมหานคร จงใจหรือประมาทเลินเล่อบริหารจัดการวัคซีน ชุดเครื่องมือตรวจของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Antigen Test Kit) และยาที่จำเป็นต่อการรักษาอาการที่เกิดจากของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างไม่มีประสิทธิภาพ นำมาซึ่งการออกข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการจังหวัดมีคำสั่งให้ปิดสถานที่ที่เสียงต่อการแพร่เชื้อโรคดังกล่าวซึ่งรวมถึงร้านอาหารและ/หรือเครื่องดื่มทั้งหมดหรือบางส่วนทั่วราชอาณาจักรหลายครั้ง ทำให้โจทก์และสมาชิกกลุ่มไม่สามารถประกอบกิจการได้เต็มที่ ทั้งยังเป็นการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามหลักความได้สัดส่วนหรือหลักความพอสมควรแก่เหตุ และมาตรการที่ออกมาเพื่อเยียวยาความเสียหายก็เป็นมาตรการที่ไม่สามารถเยียวยาประชาชนได้อย่างแท้จริง ทำให้โจทก์และสมาชิกกลุ่มได้รับความเสียหาย
ขอให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์เป็นเงิน 50,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และชำระค่าเสียหายในอนาคตให้แก่โจทก์เดือนละ 333,467.82 บาท และให้แก่สมาชิกกลุ่ม ตามวิธีการคำนวนค่าเสียหายของแต่ละบุคคล นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะยกเลิกมาตรการที่กระทบต่อโจทก์และสมาชิกกลุ่ม พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายจากการขาดรายได้ให้แก่สมาชิกกลุ่ม เดือนละ 7,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ 17 มีนาคม 2563 ถึงวันฟ้อง
โดยศาลแพ่งได้พิจารณาคำร้องและคำฟ้องดังกล่าวแล้วมีคำสั่งให้นัดไต่สวนคำร้องขอให้ดำเนินคดีแบบกลุ่มวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 เวลา 9 นาฬิกา โดยโจทก์จะดำเนินกระบวนพิจารณาทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านโปรแกรม Zoom จากที่ทำการของโจทก์