โฆษกรบ. แจงขั้นตอนลงทะเบียน "Thailand Pass" ยืนยันการขอ SHA+ ไม่ยุ่งยาก
โฆษกรัฐบาล ชี้แจงขั้นตอนการเดินทางเข้าประเทศต้องลงทะเบียนผ่านระบบ "Thailand Pass" ยืนยันขั้นตอนการขอ SHA+ ไม่ยุ่งยาก
เมื่อวันที่ 4 พ.ย.64 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการยื่นเรื่องลงทะเบียน SHA Plus สำหรับร้านอาหาร สถานประกอบการ ธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อได้รับสัญลักษณ์ SHA+ ผ่านเว็บไซต์ www.thailandsha.com ยืนยันว่าระบบไม่ล่ม และไม่ได้ล่าช้า แต่มีผู้ประกอบจำนวนมาก ให้ความสนใจยื่นขอเข้ามาเป็นจำนวนมาก
โดยเจ้าของธุรกิจสามารถยื่นเรื่องลงทะเบียน SHA Plus ได้ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นอกเหนือจากระบบออนไลน์อีกด้วย ขอยืนยันว่าระบบขั้นตอนการขอไม่ยุ่งยาก เอกสารที่ใช่ในการยื่นขอเพียง ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ แบบแสดงรายการส่งเงินสมทบ ใบเสร็จรับเงินกองทุนประกันสังคมมาตรา 33 และรายชื่อลูกจ้าง/พนักงาน พร้อมเอกสารรับการฉีดวัคซีนของพนักงานในสถานประกอบการมากกว่าร้อยละ 70 เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว และผู้เดินทางว่ากิจการ/สถานประกอบการ ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุข
ล่าสุด (4 พ.ย. ) ททท. เปิดเผยว่า มีสถานประกอบการในกรุงเทพมหานคร ที่ผ่านมาตราฐานแล้ว 4,272 สถานประกอบการ
ขั้นตอนการเดินทางเข้าประเทศไทย สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ หรือชาวไทยที่มีความประสงค์เดินทางกลับเข้าประเทศไทย ภายหลังการประกาศเปิดประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป ผ่านระบบ "Thailand Pass" และการติดตามโดยแอปพลิเคชัน “หมอชนะ” เพื่อลดขั้นตอนการกรอกเอกสาร อำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว และเป็นไปตามมาตรการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19
โดยชาวต่างชาติ และชาวไทยจะต้องลงทะเบียนในระบบ Thailand Pass ออนไลน์ เพื่อเดินทางเข้าประเทศไทยที่เว็บไซต์ https://tp.consular.go.th/ โดยเตรียมเอกสาร อาทิ หนังสือเดินทาง เอกสารรับรองการฉีดวัคซีน และหลักฐานการจองโรงแรม จากนั้นจะได้รับ Thailand Pass QR Code เพื่อใช้แสดงต่อสายการบิน และเจ้าหน้าที่คัดกรอง ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง พร้อมด้วยผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ในระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง
สำหรับผู้ที่เดินทางจาก 63 ประเทศ/พื้นที่ ต้นทางที่สามารถเดินทางเข้าไทยได้โดยยกเว้นการกักตัว ภายใต้โครงการ “Test & Go” เมื่อผ่านด่านควบคุมโรคแล้วจะต้องเข้าพักในโรงแรม SHA+/AQ อย่างต่ำ 1 คืน เพื่อรอผลตรวจการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เมื่อผลเป็นลบสามารถออกเดินทางทั่วประเทศได้โดยไม่มีข้อจำกัด
ทั้งนี้ ผู้ที่เข้าข่ายไม่ต้องกักตัวจะต้องพำนักอยู่ในประเทศที่ได้รับอนุญาตไม่ต่ำกว่า 21 วัน ยกเว้นเดินทางมาจากประเทศไทย และด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน แต่เดินทางพร้อมผู้ปกครองที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนตามเกณฑ์แล้ว สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ภายใต้เงื่อนไข ไม่ต้องกักตัวเช่นเดียวกับผู้ปกครอง
สำหรับผู้ที่เดินทางเข้าพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (Sandbox) ในประเทศไทย 17 จังหวัด จะต้องพำนักในพื้นที่ Sandbox ครบ 7 วันและมีผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 ครั้งที่ 2 เพื่อรับ Release Form ในการเดินทางไปยังพื้นที่อื่น ๆ ในประเทศไทยต่อไป
สำหรับการเดินทางเข้าประเทศไทยนอกเหนือ 63 ประเทศ/พื้นที่ ที่กำหนด เข้าพักในสถานที่กักกันทางเลือก (Alternative Quarantine) จะต้องเข้ารับการกักตัวในโรงแรม SHA+ เป็นเวลา 10 วัน และต้องมีประกันภัยที่มีวงเงินคุ้มครองไม่น้อยกว่า 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ ยกเว้นผู้มีสัญชาติไทย
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมขอให้ประชาชนทุกคนร่วมใจกันปฏิบัติตามมาตรการของ ศบค. เพื่อต้อนรับการเปิดบ้าน เปิดเมือง เปิดประเทศ โดยเลือกไปสถานที่ที่มีสัญลักษณ์ CFS, SHA+ พร้อมการแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนหรือผลตรวจ ATK ก่อนเข้าสถานที่ ควบคู่ไปกับมาตรการป้องกันตัวเองแบบ Universal Prevention ด้วย เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดและสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยอีกด้วย” นายธนกรฯ กล่าว