ส.ว.ไร้ประโยชน์-เปลืองงบ “ปิยบุตร-ไอติม” ปลุกจับตาสภาถก “ร่าง รธน.” ภาค ปชช.
“ปิยบุตร-ไอติม” ปลุกประชาชนจับตา “สภา” พิจารณา “ร่าง รธน.” ภาคประชาชน ชี้เพื่อแก้ไขวิกฤติประเทศ ขอ ส.ส.-ส.ว. เห็นแก่อนาคตชาติ ยกมือผ่าน ย้ำวุฒิสภาไร้ประโยชน์-เปลืองงบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2564 ที่ผ่านมา นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และนายพริษฐ์ วัชรสินธุ จากกลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า ในฐานะแกนนำกลุ่ม Re-solution ร่วมจัดรายการ “สปอยล์ ประชุมสภา ผ่าร่างแก้รัฐธรรมนูญ Season 3” วิเคราะห์สถานการณ์การแก้รัฐธรรมนูญ หลังจากที่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรารื้อระบอบประยุทธ์ที่ประชาชนร่วมกันเข้าชื่อได้รับการบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมของรัฐสภา ซึ่งจะมีการเปิดอภิปรายในวันที่ 16 พ.ย. 2564
โดยทั้งสองราย ได้ร่วมกันสรุปเนื้อหาสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญฉบับรื้อระบอบประยุทธ์ของกลุ่ม Re-Solution ซึ่งภาคประชาชนเข้าชื่อเสนอต่อรัฐสภา โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ด้าน ได้แก่ 1) ล้มวุฒิสภาเดินหน้าสู่สภาเดี่ยว 2) โละศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ 3) เลิกยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีและแผนปฏิรูปประเทศ และ 4) ล้างผลพวงการรัฐประหาร ข้อเสนอ โละ ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ได้เสนอแก้ที่มาให้ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระมีความยึดโยงกับประชาชน และเป็นไปตามสภาพการเมืองที่เป็นจริง ให้ได้ดุลยภาพมากขึ้น โดยให้ทั้งฝ่ายศาลต่างๆ ส.ส. ฝ่ายค้าน และ ส.ส. ฝ่ายรัฐบาล มีส่วนร่วมในการเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่ง ก่อนให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้รับรองในขั้นสุดท้ายแทน ส.ว.โดยใช้เสียงข้างมาก 2 ใน 3 จากทั้งสองฝ่าย
รวมทั้งได้เสนอให้เริ่มกันใหม่ ใครที่เคยได้รับประโยชน์จากการรัฐประหารจะไม่ให้มาดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญอีกแล้ว และให้มีการตรวจสอบศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระได้ ผ่านการเข้าชื่อถอดถอนของประชาชน และเสนอให้มีผู้ตรวจการศาลและศาลรัฐธรรมนูญมาจาก ส.ส. ฝ่ายค้านและ ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลอย่างละ 5 คน ตรวจสอบการใช้งบประมาณของศาล วิเคราะห์ผลกระทบจากคำพิพากษาต่าง ๆ
ส่วนข้อเสนอสภาเดี่ยวนั้น เนื่องจากวุฒิสภาในรูปแบบที่เป็นอยู่ของประเทศไทยปัจจุบัน ไม่ควรมีที่ยืนในประเทศที่จะอ้างว่าตัวเองเป็นประชาธิปไตย เพราะอำนาจและที่มาไม่สอดคล้องกัน คือไม่มีความยึดโยงกับประชาชน แต่มีอำนาจมาก ทั้งมีอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและกรรมการองค์กรอิสระและร่วมลงมติในร่างกฎหมายที่เข้าข่ายการปฏิรูปประเทศได้ อีกทั้งยัง เต็มไปด้วยผลประโยชน์ทับซ้อน ดังจะเห็นได้จากการที่ คสช. เป็นผู้แต่งตั้ง ส.ว. ส่วนใหญ่ แล้ว ส.ว. ก็กลับมาเลือกหัวหน้า คสช. กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งทางเลือกที่ดีที่สุด จึงเป็นการไม่ต้องมีวุฒิสภา ซึ่งจะเป็นการประหยัดเวลาที่ต้องมาออกแบบกลไก ประหยัดค่าใช้จ่ายที่สูงถึงหลักพันล้านบาทต่อปี และจะทำให้ประเทศมีความคล่องตัวในการออกกฎหมายมากกว่า
ส่วนข้อกังวลเรื่องการตรวจสอบถ่วงดุล นายพริษฐ์ วัชรสินธุ กล่าวว่า การเปลี่ยนกฎหมายให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น คุ้มครองคนที่เปิดโปงการทุจริต รวมทั้งการเพิ่มอำนาจของ ส.ส. ฝ่ายค้าน ที่ Re-solution เสนอในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ด้วย จะทำให้กลไกตรวจสอบถ่วงดุลที่เข้มข้นกว่าการมี ส.ว. อย่างมาก
“วันอังคารนี้ ภาระการพิสูจน์ว่าทำไมต้องยกเลิกวุฒิสภาไม่ได้อยู่ที่เรา ในเมื่อคุณเป็นองค์กรที่อาศัยงบประมาณอย่างน้อยหนึ่งพันล้านบาทต่อปี ภาระการพิสูจน์ต้องอยู่กับสมาชิกวุฒิสภาทั้ง 250 คน ว่าจะอภิปรายอย่างไรเพื่อชี้แจงให้ประชาชนเห็นถึงประโยชน์ในการคงไว้ของวุฒิสภา ถ้าชี้แจงแล้วไม่ชัด ประชาชนไม่เห็นด้วย หรือเหตุผลที่ให้มามันฟังไม่ขึ้น ก็จะยิ่งทำให้การเดินหน้าสู่สภาเดี่ยวเป็นทางเลือกเดียวของประเทศนี้มากขึ้น” นายพริษฐ์กล่าว
ขณะที่ นายปิยบุตร กล่าวว่า ที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่าเวลาจะมีการแก้รัฐธรรมนูญในประเด็นสำคัญ ๆ ของประชาชน ส.ว. มักทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลองตลอด แต่กลับไปสนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวเอง เช่น เรื่องระบบเลือกตั้ง การทำตัวแบบนี้ของ ส.ว. นี่เอง ที่นำมาซึ่งวิกฤติการเมืองที่เป็นอยู่ตลอดปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการชุมนุมเรียกร้องของเยาวชนคนรุ่นใหม่และประชาชน และยังเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าประชาชนที่มักถูกอ้างว่าเป็นเจ้าของอำนาจ กลับไม่ได้มีที่ยืนอย่างแท้จริงในรัฐธรรมนูญฉบับนี้
“การแก้รัฐธรรมนูญของประเทศนี้ คุณต้องผ่านผู้ออกใบอนุญาตไม่รู้กี่ด่าน ปัญหาก็คือแล้วประชาชนอยู่ตรงไหนของสมการแบบนี้? ประชาชนซึ่งถูกอ้างว่าเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย ที่เป็นเจ้าของอำนาจ แต่ถึงเวลาพอประชาชนจะใช้อำนาจจริงกลับถูกสกัดขัดขวางตลอดเวลา” นายปิยบุตร กล่าว
นายปิยบุตร กล่าวด้วยว่า ตนอยากให้ประชาชนทุกคนร่วมกันจับตาและเรียกร้องไปถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้ช่วยโหวตรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของประชาชนในวาระที่หนึ่งในขั้นรับหลักการเป็นอย่างน้อย หากไม่เห็นด้วยในส่วนไหนก็ยังมีโอกาสปรับแก้ในชั้นกรรมาธิการได้ แต่ไม่ควรปฏิเสธความต้องการของประชาชนไปทั้งหมด และอยากเชิญชวนประชาชนทุกคนร่วมกันติดตามการถ่ายทอดสดการประชุมสภา อย่าคิดแค่เพียงว่าไม่ผ่านแน่ ๆ เพราะการอภิปรายในสภายังมีประโยชน์อยู่ในการถกเถียงแลกเปลี่ยนกัน ฟังการให้เห็นเหตุผลของแต่ละฝ่าย
“ในท้ายที่สุดแน่นอนว่าสภาจะต้องเป็นคนโหวต แต่พี่น้องประชาชนจะเป็นคนตัดสินว่าการอภิปรายการลงมติของพวกเขามีเหตุผลที่ฟังได้ไหม และถ้าหากพี่น้องประชาชนเห็นว่าฟังไม่ได้ พี่น้องก็มีอำนาจลงโทษเขาในการเลือกตั้งครั้งถัดไป” นายปิยบุตร กล่าว
นายปิยบุตร กล่าวย้ำถึงความสำคัญของข้อเสนอล้างมรดกรัฐประหารและการป้องกันการรัฐประหารในอนาคตว่า สำหรับเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากหลายพรรคการเมือง ไม่ว่าจะในฝ่ายรัฐบาลฝ่ายค้าน ล้วนเป็นเหยื่อของการรัฐประหารด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ที่ผ่านมา หลังการรัฐประหารทุกครั้ง นักการเมืองต้องยุติบทบาท ถูกเรียกรายงานตัว ถูกตรวจสอบอย่างไม่เป็นธรรม ทุกวันนี้หลายคนถูกบีบให้ต้องไปร่วมกับพรรครัฐบาลด้วยคดีความต่าง ๆ นี่คือโอกาสครั้งสำคัญที่ ส.ส. จะสามารถทำเพื่อประเทศชาติได้ ด้วยการการลงมติเพื่อยืนยันว่ารัฐประหารต้องหมดไปจากประเทศไทย และตนมั่นใจว่าหากทุกคนร่วมมือกัน ทำให้คนก่อรัฐประหารต้องไปขึ้นศาล ถูกดำเนินคดี ถูกพิพากษาให้ติดคุก นิรโทษกรรมไม่ได้ เมื่อนั้นก็จะไม่มีใครกล้าทำรัฐประหารอีกเลย
“ถ้าเราทำให้คนก่อรัฐประหารต้องไปขึ้นศาลอาญาถูกดำเนินคดี ติดคุก เมื่อนั้นจะไม่มีใครกล้าทำรัฐประหารอีกเลย ผมอยากจะเรียกร้อง ส.ส. ทุกคนให้มองข้ามเรื่องรัฐบาล-ฝ่ายค้าน นี่คือผลประโยชน์ร่วมกันของคนไทยทั้งประเทศ เราจะได้ไม่ต้องเห็นรัฐประหารกันอีก” นายปิยบุตร กล่าว