พลังประชารัฐ-เศรษฐกิจไทย 2 นครา ฐานอำนาจ“ประวิตร”
ปฏิบัติการของ “ประวิตร” ตอบโจทย์ “ประยุทธ์”แต่การวางเกมแบบ “เหนือเมฆ” ของ “ประวิตร” ที่หลายฝ่ายอาจคาดไม่ถึงกลับมาเป็นหอกทิ่มแทง “ประยุทธ์” เสียเอง
ความชุลมุนวุ่นวายในพลังประชารัฐ (พปชร.) รอบนี้เดินมาสู่บทสรุป เมื่อ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ทิ้งไพ่ตัดสินใจยุติปัญหาขัดแย้งระหว่าง น้องเลิฟ 2 ป. “ป.ประยุทธ + ป.ป๊อก” ที่เปิดศึกกับ “ผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ลูกน้องคนสนิทมากว่า 5 เดือน
เงื่อนไขของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม ยื่นคำขาดต่อ “ประวิตร” คือการปลด “ธรรมนัส” ออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ แต่ “ประวิตร” วางเกมให้ “ธรรมนัส” ขับตัวเองออกจากพรรค พร้อมหอบ “กบฎ 21 ส.ส.” ตามไปด้วย
โดย “หัวหน้าขบวนการ” ตั้งข้อหาตัวเอง เสนอให้ขับออกจากพรรคเพื่อไปหาพรรคใหม่สังกัด หลังจากเอาชนะศึกเลือกซ่อมไม่ได้
แม้การแยกกันอยู่ระหว่าง “ประยุทธ์” กับ “ธรรมนัส” ดูจะเป็นทางออกที่ลงตัวที่สุด ฝ่ายแรกไม่ต้องคอยระแวงว่า จะเป็นหอกกลางแคร่ รอจังหวะทิ่มแทงในสภา ขณะที่ฝ่ายหลังก็จะได้มีอำนาจบริหารจัดการภายในพรรคได้อย่างเต็มที่
ปฏิบัติการของ “ประวิตร” ตอบโจทย์ “ประยุทธ์” แต่การวางเกมแบบ “เหนือเมฆ” ของ “ประวิตร” ที่หลายฝ่ายอาจคาดไม่ถึงกลับมาเป็นหอกทิ่มแทง “ประยุทธ์” เสียเอง เนื่องจากการจากไปของ “ธรรมนัส” เพิ่มแรงต่อรองให้ “ประวิตร” สามารถเรียกร้องโควตาเก้าอี้รัฐมนตรีเพิ่มได้
เกมของ “ประวิตร” คงยากที่จะยอมงอให้ “ประยุทธ์” อีกต่อไป ยิ่งช่วงใกล้เลือกซ่อม จ.ชุมพร สงขลา มีกระแสหนาหูว่า ฝ่ายสนับสนุน “ประยุทธ” วางงานเตรียมใช้สถานการณ์เลือกซ่อมปลด “ธรรมนัส” ออกจากเลขาฯพรรค ว่ากันว่ามีการถ่ายโอนกำลังไปช่วยคู่แข่ง
โดยเฉพาะพื้นที่จ.ชุมพร จากที่คาดการณ์ว่าคะแนนจะออกมาสูสี แต่เอาเข้าจริงผู้สมัครค่ายประชาธิปัตย์ เด็กสายตรง “ลูกหมี” ชุมพล จุลใส ชนะขาดทิ้งห่างหลักหมื่นคะแนน ทำให้เก้าอี้เลขาฯพรรคของ “ธรรมนัส” สั่นคลอนทันที “ทีมประยุทธ์”ได้ฉกฉวยโอกาสเสนอทำโพลวัด KPI ตามที่มีไลน์หลุดออกมา
“ทีมประยุทธ์” เตรียมเดินเกมรุกไล่ แต่ “ประวิตร-ธรรมนัส” อ่านเกมออก จึงพลิกวิกฤติเป็นโอกาสขอแยกตัวออกไปเอง โดยใช้กระบวนการขับออกจากพรรค ซึ่งการแยก “ธรรมนัส” ออกไป ไม่ได้ออกไปตั้งพรรคของตัวเอง แต่"พรรคเศรษฐกิจไทย" ที่หมายของ 21 ส.ส. เป็นพรรคสำรองของ “ประวิตร” ที่มีเครือข่าย เพื่อนสนิท และน้องชายบริหารจัดการ อยู่แล้ว เพียงแค่แบ่ง ส.ส.บางส่วนไปอยู่ในพรรคนี้ ซึ่งถือว่าเป็นอีกสาขาของพลังประชารัฐก็ว่าได้
หากเจาะรายละเอียดพรรคเศรษฐกิจไทย การก่อร่างสร้างพรรคนี้แต่แรกโดยเบื้องต้นตั้งใจให้เป็นพรรคของ “ปลัดฉิ่ง” ฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดมหาดไทย แต่สถานการณ์เปลี่ยน “ปลัดฉิ่ง” ถอย พรรคนี้จึงถูกนำมารองรับกลุ่ม ส.ส.ซุ้มธรรมนัส
โดยปัจจุบันพรรคเศรษฐกิจไทยล้วนมีแต่เครือข่าย “ประวิตร” ตั้งแต่ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ว่าที่หัวหน้าพรรค เพื่อนสนิท อภิชัย เตชะอุบล ว่าที่เลขาธิการพรรคที่กำลังจะทำเรื่องลาออกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งระยะหลังใครที่ไปบ้านป่านรอยต่อฯ ก็จะพบอภิชัยอยู่บ่อยๆ จนหลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็น ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อพรรคเศรษฐกิจมีแต่เครือข่ายของ “ประวิตร” เมื่อเจ้าตัวยังนั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แม้ทางกฎหมายจะคุมแค่พรรคพลังประชารัฐ แต่ในทางการเมือง “ประวิตร” คุมทิศทางของพรรคเศรษฐกิจไทยด้วย ขณะที่ “ธรรมนัส” คู่ขัดแย้งกับ “ประยุทธ์” ไม่ใช่คนที่จะสั่งให้พรรคเศรษฐกิจไทยซ้ายหัน-ขวาหัน แต่เป็น “ประวิตร” ที่กดปุ่มสั่งการได้ทั้งหมด อำนาจจึงเบ่งบานมากกว่าเดิม
ขณะเดียวกันเป็น “ประยุทธ์” ที่ขาลอย มีตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้ารัฐบาลก็จริง แต่อำนาจทางการเมือง บารมีทางการเมือง ถูก “ประวิตร” รวบไว้เพียงคนเดียว
จึงน่าจับตาว่าความสัมพันธ์ “พี่น้อง 3 ป.” หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร และน่าจับตาว่า “ทีมประยุทธ์” จะแก้เกมของ “ทีมประวิตร” อย่างไร จะถึงขั้นแตกหัก ปลด “ประวิตร” ออกจากหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ น่าติดตามอย่างยิ่ง