“สมพร” ปัดรุกป่า หลังถูกเพิกถอน 2,111 ไร่ ยันซื้อต่อ “มิตรผล” - “สมัคร” แนะนำ
ทีมพีอาร์ “คณะก้าวหน้า” ส่งคลิป “สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ” แจงถูก “กรมที่ดิน” เพิกถอน น.ส.3 ก. 2,111 ไร่ รุกป่า เจ้าตัวยืนยันซื้อถูกต้อง อ้าง “สมัคร สุนทรเวช” แนะนำซื้อจาก “บริษัท มิตรฯผล” ไม่คิดว่าจะผิดกฎหมาย ลั่นครอบครัวไม่มีส่วนในการออกเอกสารสิทธิ์
จากกรณีที่กรมที่ดินมีคำสั่งเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ น.ส. 3 ก. ของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ และบุตรอีก 2 คนคือ น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เนื่องจากพบว่าเป็นที่ป่าไม้ถาวร และอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชีนั้น
อ่านข่าว: ปิดฉาก! กรมที่ดินเพิกถอนโฉนด 2,111 ไร่ “สมพร-ธนาธร-ชนาพรรณ” รุกป่า
เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2565 ทีมงานฝ่ายสื่อสารของคณะก้าวหน้า เผยแพร่คลิปวีดีโอการสัมภาษณ์ นางสมพร ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า รู้สึกเสียใจอย่างมากที่สังคมและสื่อต่าง ๆ ไปพาดหัวว่าตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจรุกที่ป่า กินป่า เพราะนี่เป็นข้อหาที่ร้ายแรงสำหรับตนเองและครอบครัว ที่ทำมาหากินสุจริตและตั้งใจช่วยเหลือสังคมอย่างเต็มกำลังมาโดยตลอด และขอโอกาสชี้แจง เพื่อให้สังคมให้ความเป็นธรรม
นางสมพร กล่าวว่า ตนไม่ใช่ผู้ซื้อมือแรก โดยเอกสารสิทธิ์ที่ดินออกตั้งแต่ปี 2521 โดยกรมที่ดิน มีเจ้าหน้าที่เซ็นรับรองถูกต้องทุกอย่าง ต่อมาในปี 2533 ตนได้รับการแนะนำจากนายสมัคร สุนทรเวช (อดีตนายกรัฐมนตรี) ในสมัยนั้นเป็นนักการเมืองสำคัญในบ้านเมือง ให้มาซื้อที่ดินจากบริษัท มิตรผลฯ ที่เป็นเจ้าของที่ดิน โดยนายกมล ว่องกุศลกิจ กรรมการผู้จัดการบริษัทมิตรผลฯ เป็นนักธุรกิจใหญ่ รู้จักกันดี เมื่อทั้งเจ้าของและผู้แนะนำให้ซื้อเป็นคนที่น่าเชื่อถือ จึงไม่คิดเลยว่าที่ดังกล่าวจะผิดกฎหมาย
“ฉันยืนยันว่าครอบครัวเราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิ์ นส. 3 ก. ตอนที่ฉันซื้อที่ดินก็มีเอกสารสิทธิ์รับรองถูกต้องตามกฎหมาย ซื้อขายมาหลายทอดแล้ว และฉันก็ไม่มีอำนาจบารมีไปบังคับ ข่มขู่ ให้เจ้าหน้าที่ออกเอกสารสิทธิ์ให้ ที่ดินก็เป็นที่ของบริษัทใหญ่ มีเครดิตดี คนแนะนำเป็นนักการเมืองใหญ่ เอกสารสิทธิ์ก็มีเรียบร้อย เราจึงไม่คิดเลยว่าจะมีปัญหาอะไรทางกฎหมาย” นางสมพร กล่าว
ส่วนกรณีที่มีสื่อบางสำนักเสนอข่าวว่านางสมพรเคยมีบันทึกกับกรมที่ดินว่ารับทราบอยู่แล้วว่า ที่ผืนนี้เป็นที่ป่า นางสมพร กล่าวว่า เอกสารฉบับนี้เนื้อหาระบุแค่ว่า ตนรับทราบว่าที่ดินแปลงนี้อาจเป็น หรือไม่เป็น ที่ป่าไม้ถาวรก็ได้ บันทึกถ้อยคำดังกล่าว สำนักงานที่ดินทำไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนฟ้อง ถ้ามีการเพิกถอนสิทธิในภายหลัง ซึ่งในกรณีนี้ กรมที่ดินเองก็ไม่รู้ว่าเป็นที่ป่าหรือไม่ แล้วตนเองเป็นราษฎรธรรมดาจะทราบได้อย่างไร
“ฉันมีที่ดินผืนนี้มา 30 ปีไม่เคยมีปัญหาอะไร จนกระทั่งลูกชายมาทำงานการเมือง ลูกก็โดนยัดคดีร้ายแรงให้สารพัด ส่วนตัวฉันเองก็โดนร้องเรียนว่ารุกป่า กินป่า เป็นเรื่องเป็นราวเป็นคดีใหญ่โต ฉันยืนยันตรงนี้ว่าที่ผืนนี้ ถึงจะซื้อมาถูกกฎหมายทุกประการ มีเอกสารสิทธิ์เรียบร้อย แต่อยู่มาวันหนึ่งรัฐบอกว่าผิด จะเพิกถอน ฉันไม่มีปัญหา แต่ต้องไปพิสูจน์ถูกผิดกันตามกฎหมาย ถ้าออกมาว่าเป็นป่าจริง ฉันยินดีคืนที่ให้ แต่อย่ามากล่าวหาว่าครอบครัวฉันโกงบ้านโกงเมืองเด็ดขาด” นางสมพร กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีนี้ เมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2565 กรมที่ดินเผยแพร่เอกสารข่าวระบุว่า อธิบดีกรมที่ดินมีคำสั่งเพิกถอนโฉนด น.ส.3 ก. ในพื้นที่ อ.จอมบึง จ.ราชบุรี จำนวน 59 ฉบับ เนื้อที่รวม 2,111 ไร่ 1 งาน 69 ตารางวา (ตรว.) ที่ได้ออกเมื่อปี 2521 ตามโครงการเดินสำรวจออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) โดยใช้ระวางรูปถ่ายทางอากาศ มิได้แจ้งการครอบครองที่ดิน
โดยที่ดินดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตป่าไม้ถาวร “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี” ต่อมาได้ประกาศเป็นเขต “ป่าสงวนแห่งชาติ” เมื่อปี 2527 จึงเป็นการฝ่าฝืน มาตรา 58 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ที่ห้ามดำเนินการในเขตป่าไม้ถาวร และเป็นที่ดินต้องห้ามมิให้ออก น.ส.3 ก. ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2527) ข้อ 3 ซึ่งบังคับใช้อยู่ในขณะนั้น
คณะกรรมการสอบสวนเห็นว่า น.ส.3 ก.ดังกล่าว ออกไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย สมควรเพิกถอน น.ส.3 ก. ทั้ง 59 ฉบับ กรมที่ดิน จึงมีคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินที่ 747/2565 ลงวันที่ 29 มี.ค. 2565 เพิกถอน น.ส.3 ก. ทั้ง 59 ฉบับ