Financial Inclusion แก้หนี้นอกระบบ สาเหตุสำคัญความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย
Financial Inclusion แก้หนี้นอกระบบ สาเหตุสำคัญความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย
“หนี้นอกระบบ” เป็นปัญหาเรื้อรังของสังคมไทยมาอย่างยาวนาน ประชาชนจำนวนมากต้องพึ่งพาหนี้นอกระบบในการดำรงชีวิต จากข้อมูลโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2560 พบว่า ผู้มีรายได้น้อยที่มีหนี้นอกระบบมีจำนวนกว่า 1.25 ล้านราย คิดเป็นยอดหนี้รวม 68,003.43 ล้านบาท เฉลี่ยต่อรายจำนวน 54,094.15 บาท นำมาซึ่งความไม่มั่นคงในชีวิต และทรัพย์สิน จากการถูกเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินกว่ากฎหมายกำหนด รวมถึงปัญหาความรุนแรงจากการทวงหนี้
แม้ว่าหนี้นอกระบบจะมีความเสี่ยง แต่หลายครัวเรือนยังตัดสินใจกู้เงินนอกระบบ เพราะมีความจำเป็นต้องใช้เงินเร่งด่วน ขณะที่การกู้เงินจากสถาบันการเงินในระบบมีขั้นตอนซับซ้อน และต้องใช้เวลาในการดำเนินการ ทำให้ไม่สามารถรอได้ โดยมีครัวเรือนจำนวนไม่น้อย ที่ไม่สามารถกู้เงินจากสถาบันการเงินในระบบ รวมถึงเข้าไม่ถึงบริการทางการเงินขั้นพื้นฐานอื่นๆ ได้
ทั้งนี้ เราแบ่งกลุ่มที่เข้าไม่ถึงบริการทางการเงินขั้นพื้นฐานออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. Unbanked Person หรือกลุ่มที่ไม่เข้าถึงบริการการเงินในระบบได้เลย 2. Underserved Person หรือกลุ่มที่เข้าถึงได้บางบริการ จากบริการขั้นพื้นฐาน 4 บริการคือ บริการโอนเงิน ชำระเงิน ฝากเงิน และกู้เงิน โดย “สินเชื่อ” เป็นบริการทางการเงินที่คนไทยเข้าถึงน้อยที่สุด สาเหตุหลักมาจากปัญหารายได้น้อย ไม่รู้ และ อยู่ไกล นำมาสู่ปัญหาหนี้นอกระบบ และเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย
แนวคิด Financial Inclusion หรือการเพิ่มโอกาสทางการเข้าถึงบริการทางการเงิน จึงถูกนำมาใช้ในการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ และปัญหาความเหลื่อมล้ำ โดยไม่จำกัดว่าต้องทำผ่านธนาคารเท่านั้น เพื่อให้คนที่อยู่พื้นที่ห่างไกลจากเมืองใหญ่ สามารถเข้าถึงบริการทางการเงิน และบริหารจัดการการเงินของตัวเองได้ ผ่านตัวแทนธนาคาร หรือ Banking Agent ซึ่งทำหน้าที่ให้บริการทางการเงินขั้นพื้นฐาน ทั้งธุรกรรมฝากเงิน ถอนเงิน โอน จ่าย และให้สินเชื่อ แทนธนาคาร
ปัจจุบันตัวแทนธนาคารมีทั้งร้านสะดวกซื้อ ไปรษณีย์ และเคาน์เตอร์เซอร์วิส นอกจากนี้ยังพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงิน (FinTech) เพื่อให้สามารถทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ บนโทรศัพท์มือถือ ช่วยเพิ่มความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ลดต้นทุนการทำธุรกรรม และตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ และผู้ให้บริการได้ดียิ่งขึ้น
หนึ่งในพัฒนาการด้าน FinTech ที่โดดเด่นของไทยคือ การพัฒนามาตรฐาน QR Code เพื่อการชำระเงินที่ช่วยเพิ่มทางเลือกในการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ (Mobile Payment) ให้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น ช่วยขยายช่องทางการรับชำระค่าสินค้า และบริการให้กับร้านค้าขนาดกลางและขนาดเล็ก ทำให้ร้านค้ามีต้นทุนลดลง
ในอนาคต FinTech จะเข้ามามีส่วนช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการเงิน ผ่านธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภค (Consumer Finance) ด้วยการให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล ซึ่งไม่ได้จำกัดเฉพาะธนาคารเท่านั้น ทำให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงบริการสินเชื่อได้ง่ายขึ้น
ธนาคารกรุงไทย ในฐานะธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของประเทศ มุ่งมั่นนำเทคโนโลยี และนวัตกรรม พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างทั่วถึง โปร่งใส และเท่าเทียมภายใต้แนวคิด Invisible Banking ทั้งการให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลผ่านแพลตฟอร์ม Krungthai NEXT รวมถึงแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ซึ่งได้รับการพัฒนาโดยบริษัท อินฟินิธัส บายกรุงไทย ให้เป็น Thailand Open Digital Platform เปิดกว้างให้ทุกคนเข้ามาใช้งานได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีบัญชีเงินฝากของธนาคารกรุงไทย พร้อมจับมือกับพันธมิตรทุกกลุ่ม ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เพื่อยกระดับบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการ ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้นในทุกวัน
“เป๋าตัง” เป็นกลไกสำคัญในการส่งต่อมาตรการความช่วยเหลือของให้ถึงมือประชาชนอย่างทั่วถึง โปร่งใส เท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำ ทั้งมาตรการคนละครึ่ง มาตรการเราชนะ ม.33 เรารักกัน ยิ่งใช้ยิ่งได้ และเราเที่ยวด้วยกัน อีกทั้งยังมีส่วนปฏิวัติการลงทุน ผ่านบริการวอลเล็ต สบม. ให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงการลงทุนพันธบัตรรัฐบาลได้สะดวก รวดเร็ว รวมถึงบริการซื้อขายหุ้นกู้ดิจิทัล และบริการ Gold Wallet เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังพัฒนาแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” เพื่อให้ร้านค้าต่างๆ โดยเฉพาะร้านค้าขนาดเล็กใช้เป็นช่องทางในการรับชำระเงินโครงการภาครัฐ และการใช้จ่ายจากประชาชนทั่วไปผ่าน QR Code เพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อขายสินค้า พร้อมจับมือกับพันธมิตร ทั้ง AISบางจาก และ KTC ให้สามารถนำคะแนนสะสม มาใช้จ่ายในร้านค้าถุงเงินแทนเงินสดได้ เพิ่มโอกาสในการขายสินค้ากับร้านค้าขนาดเล็กได้อีกทางหนึ่ง
ธนาคารกรุงไทยเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกมิติไปพร้อมๆ กับการนำนวัตกรรมทางการเงินมาช่วยลดความเหลื่อมล้ำ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และสังคมไทยไปสู่ความยั่งยืน
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์