เจาะกลยุทธ์ความสำเร็จ‘SC Asset’หลังคว้าMost Powerful Brand

เจาะกลยุทธ์ความสำเร็จ‘SC Asset’หลังคว้าMost Powerful Brand

เจาะกลยุทธ์ความสำเร็จSC Asset หลังคว้ารางวัล The Most Powerful Brand in Real Estate 2022 ชูบริการหลังการขายสร้างจุดขายที่แตกต่างคู่แข่ง พร้อมเสริมฟังก์ชัน-ดีไซน์ภายใต้แนวคิด One Size Doesn't Fit All

หลังเผชิญกับสถานการณ์โรคระบาดมากว่า 2 ปี ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ ปรับตัวรับกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในตลาดทั้งจากปัจจัยเศรษฐ และพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้ตลาดแข่งขันกันสูง และผู้บริโภคก็มีตัวเลือกให้เลือกมากมาย  หนึ่งในจำนวนนั้นแบรนด์ ‘SC Asset’ที่พยายามสร้างความแตกต่างและจุดขายที่โดดเด่นเพื่อดึงดูดใจลูกค้า ล่าสุดคว้ารางวัล The Most Powerful Brand in Real Estate 2022

เขม- ณัฏฐกิตติ์ ศิริรัตน์ หัวหน้าสายงานการตลาด  บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ SC หนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ   กล่าวว่า รางวัล The Most Powerful Brand in Real Estate 2022 เป็นรางวัลที่มีความหมายกับสำหรับทุกคนในองค์กรเหมือนเป็นรางวัลพนักงานเกือบ1,000ชีวิตที่ทำงานในเอสซี ทั้งนี้เนื่องจากแบรนด์ ‘SC Asset’ไม่ได้เกิดจากฝ่ายแบรนด์ มาร์เก็ตติ้งหรือแผนกใดแผนกหนึ่งแต่เกิดจากพนักงานทุกๆคน 

โดยในทุก Touchpoint ที่ลูกค้าได้เจอสินค้า หรือ บริการ จะได้สัมผัสถึงคุณภาพและบริการที่บริษัทต้อการสื่อสารแบรนด์ผ่านสื่อต่างๆไปยังกลุ่มลูกค้า จนเกิด#จะกี่ปีSCไม่ทิ้งคุณ  ออกมา เพราะให้ความสำคัญคือ ‘บริการหลังการขาย’เพื่อช่วยเหลือลูกบ้านเสมอ ไม่ว่าจะเป็นโครงการใหม่ หรือโครงการเก่าที่ซื้อไป ซึ่งทุกเสียงตอบรับจากลูกบ้านทั้งคำขอบคุณ ตำหนิ และปัญหาที่เกิดขึ้น จะถูกนำไปพัฒนาและปรับปรุงการบริการในทุก ๆ เดือนเพื่อสร้างประสบการณ์และการบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า รวมถึงเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ในการพัฒนาบริการเพื่อลูกบ้านในอนาคตส่งผลให้จากผลสำรวจของ TERRABKK  จึงได้รับคะแนนสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง ด้านบริการหลังการขาย
 

"จากการที่ CEO คุณพงศ์ที่ให้ไดเรคชั่นธุรกิจ กับทีมทำงานทุกคนว่า เราไม่ต้องมองว่าคู่แข่งทำอะไร แต่ให้โฟกัสการส่งมอบคุณค่า และความต้องการลูกค้าแบบ Customer-Centric เสมอไม่ว่าจะแอพรู้ใจ หรือบริการหลังการขาย เราไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องการแข่งขันกับคู่แข่งว่า คู่แข่งทำอะไร หรือต้องทำอะไรให้ดีกว่าคู่แข่ง เราไม่โฟกัสไปตรงนั้น แต่เราโฟกัสที่ลูกค้า  ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 25,000ครอบครัวที่อยู่กับเอสซี "


ณัฏฐกิตติ์   ระบุว่า ปีนี้ เอสซี เปิดโครงการใหญ่ค่อนข้างเยอะมากและจากช่วงโควิดที่ผ่านมาค่อนข้างขายดี ทำแทบไม่ทันขายเฉพาะโครงการบ้านเดี่ยว20โครงการ ถือเป็นปีที่หนักเพื่อให้ทันกับความต้องการของลูกค้า  ด้านงานดีไซน์ให้ความสำคัญ𝗢𝗡𝗘 𝗣𝗿𝗼𝗷𝗲𝗰𝘁 𝗢𝗡𝗘 𝗗𝗲𝘀𝗶𝗴𝗻เพื่อสร้างความแตกต่างและตอบสนองความต้องการของลูกค้า ทั้งฟังก์ชันและด๊ไซน์ โดยเมื่อ3ปีที่ผ่านมาได้พัฒนาบ้าน "คนโสด" ได้รับผลตอบรับดีมากตอบโจทย์คนที่อยู่คนเดียวหรือ พ่อแม่ หรือน้องหมา น้องแมวซึ่ง ไม่ต้องการฟังก์ชันที่เยอะๆ4-5ห้องนอน แต่ต้องการฟังก์ชั่นที่มีคุณภาพ เป็นจุดเริ่มต้นของ บ้านเดี่ยวซีรีส์ใหม่ ภายใต้แนวคิด One Size Doesn't Fit All 

เพราะจากการวิจัยพบว่า  เวลาที่ลูกค้าอยู่บ้าน24ชั่วโมง ประชุมซูมในห้องรับแขกโต๊ะทำงาน หรือไปซุมที่ระเบียงเอาท์ดอร์ที่ปิดกั้นได้ในบ้านแนวความคิดเรื่องพื้นที่แบบ semi-outdoor ที่ออกไปนอกห้อง นอกตัวบ้านแล้ว แต่ก็ยังมีหลังคาปกคลุม เป็นพื้นที่ที่เราสามารถใช้งานได้เหมือนกับพื้นที่ภายในบ้าน แต่ก็ยังได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ แสง แดด ลม เช่นเดียวกับพื้นที่ภายนอกบ้าน

โดยแบบบ้านที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตหลังจากสถานการณ์โควิด เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยมีพื้นที่ที่อยู่สบายและใช้ชีวิตภายในบ้านได้ทุกวันโดยทำให้พื้นที่ส่วนตัวจึงมีความสำคัญเพิ่มขึ้น อาทิ พื้นที่ทำงาน, พื้นที่ให้ลูกเรียน มุมส่วนตัวของแต่ละคน  หรือแม้แต่การพัฒนาโครงการระดับลักชัวรีอย่าง โครงการ บางกอก บูเลอวาร์ด  ที่มีบันไดวน ส่วนใหญ่มักจะทำกับบ้านราคา 100 ล้านบาทขึ้นไปแต่สามารถทำกับบ้านในระดับราคา 40ล้านบาทได้ เป็นต้น 

"จากพัฒนาการช่วง10กว่าปีที่ผ่ามาทำให้แบรนด์ SC Assetเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยจากรายได้ปีละ 3000ล้านขยับมา12,000 ล้านบาทในปีนี้ คาดว่าในปีหน้า SC Asset ครบรอบ20ปี ยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณค่าให้กับลูกค้า พนักงานและสังคมสิ่งแวดล้อมต่อไป"