เซ็นทรัลพัฒนาพร้อม!5ปีลุย4ธุรกิจ100โปรเจกต์รับศก.ฟื้น
เซ็นทรัลพัฒนา เผยแผน5ปีลุย4ธุรกิจรีเทล ออฟฟิศ โรงแรม ที่อยู่อาศัย ผุด100โปรเจกต์รองรับศก.ฟื้นหวังสร้างแรงกระเพื่อมให้เกิด “มัลติพลายเออร์ เอฟเฟค”กระจายสู่ภูมิภาคทั่วประเทศ
ห้างร้านค้าปลีก ศูนย์การค้า เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องหลังผ่านสถานการณ์แย่ที่สุด “ล็อกดาวน์” ในห้วงวิกฤติโควิด-19 แพร่ระบาดหนักสร้างผลกระทบสาหัส! เวลานี้ผู้คนออกมาจับจ่ายใช้สอย ใช้ชีวิตตามวิถีปกติมากขึ้น เป็น "โอกาส” เคลื่อนธุรกิจเดินหน้าหลังเปิดประเทศไทยและทั่วโลก ซึ่งมี “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” กลับมาเยือนไทยเสริมทัพกำลังซื้อในประเทศ
วัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทยในรูปแบบ Retail-led mixed use ได้แก่ ธุรกิจศูนย์การค้าเซ็นทรัล ที่พักอาศัย อาคารสำนักงาน และโรงแรมทั่วประเทศ กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจและประเทศเดินหน้าต่อไปได้มี 3 เรื่องหลักด้วยกัน เรื่องแรก “Transformation” การปรับตัวทำสิ่งใหม่ ปี 2566 ถือเป็นโอกาสที่ดีของภาคการท่องเที่ยวและภาคบริการที่จะกลับมาอีกครั้ง
เรื่องที่สอง “Urbanization” การกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคเพื่อช่วยพลิกพื้นเศรษฐกิจ ไม่ควรมองแค่เมืองหลัก ควรเร่งพัฒนาสร้างงานสร้างโอกาส ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ สุดท้าย “Sustainability” เป็นส่วนสำคัญที่สำคัญที่จะทำให้ธุรกิจไปต่อได้อย่างยิ่งยืนด้วยการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม
“ปัจจุบันทุกภาคส่วนกำลังอยู่ท่ามกลางความท้าทายและความไม่แน่นอนระหว่างที่กำลังฟื้นตัวจากโควิด พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน! ธุรกิจต้องปรับตัวยืดหยุ่นตามสถานการณ์และต้องวิ่งให้เร็วกว่าเดิม”
ทั้งนี้ การจับจ่ายใช้สอยของผู้คนจะฟื้นกลับมาอีกครั้งจากแรงกระตุ้นของมาตรการภาครัฐ และการทำตลาดของภาคเอกชน ซึ่งที่ผ่านมาทุกภาคส่วน ได้มีการปรับตัวจนสามารถพลิกฟื้นมาได้ แม้แต่ธุรกิจโรงภาพยนตร์ก็สามารถกลับมาดีขึ้นได้ใกล้เคียงกับธุรกิจอื่นๆ ในระยะเวลารวดเร็ว ถือเป็นสัญญาณที่ดี
“2-3 ปีที่ผ่านมาทุกธุรกิจต้องเผชิญอุปสรรคมากมายทั้งภาวะเงินเฟ้อ การหยุดชะงักของธุรกิจจากสถานการณ์โควิด-19 มองว่า ปี 2566 จะเป็นปีแห่งการพลิกฟื้น! โดยเฉพาะธุรกิจภาคบริการน่าจะได้อานิสงส์จากปัจจัยบวกที่นักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น ส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจปีหน้า”
สำหรับ “เซ็นทรัลพัฒนา” มีการปรับเปลี่ยนไม่หยุดนิ่ง โดยอาศัยความเชี่ยวชาญในการพัฒนา “Retail-Led Mixed-Use Development” เพื่อสร้างแรงกระเพื่อมให้เกิด “มัลติพลายเออร์ เอฟเฟค” ไปสู่ 4 ภูมิภาคของประเทศเพื่อช่วยยกระดับมาตรการการใช้ชีวิตของผู้คน ที่มาใช้ชีวิตในศูนย์การค้า โครงการที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน และโรงแรม
ปัจจุบัน เซ็นทรัลพัฒนา เปิดบริการศูนย์การค้า 38 แห่งทั่วประเทศ มีคนมาใช้ชีวิตในศูนย์การค้ามากกว่า 1.2 ล้านคนต่อวันหรือเท่ากับ 440 ล้านคนต่อปี ใน5 ปีข้างหน้ามีแผนขยาย 4 ธุรกิจหลักต่อเนื่องเพื่อเพิ่มทราฟฟิกให้เป็น 1.7 ล้านคนต่อวัน หรือ 620 ล้านคนต่อปี
โดยภายในโครงการ “มิกซ์ยูส” ยุทธศาสตร์สำคัญของการเคลื่อนธุรกิจจะเชื่อมโยง 4 ธุรกิจหลัก ได้แก่ รีเทล ออฟฟิศ โรงแรม และที่อยู่อาศัย ทำให้ผู้คนสามารถใช้ชีวิตในโครงการได้อย่างสะดวกมากขึ้น
พร้อมยกระดับประสบการณ์เพื่อตอบสนองสนองความต้องการใหม่ๆ ของผู้บริโภคด้วยเชื่อมโยงออนไลน์และออฟไลน์ 24 ชั่วโมง 365 วันได้อย่างครบวงจร มีการใช้ "บิ๊กดาต้า” จากเดอะวันการ์ด เข้ามาช่วยขณะเดียวกันมีการเชื่อมโยงคนและชุมชน รวมทั้งสิ่งแวดล้อม
“เรามุ่งพัฒนา คน พัฒนาเมือง และพัฒนาประเทศ ด้วยการกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคสร้างความมั่งคั่งให้เกิดขึ้นในภูมิภาค ในหนึ่งโครงการสามารถสร้างงานได้ถึง 1,000 อัตรา ซึ่งภายใน 5 ปี จะมีโครงการรวมทั้ง 4 ธุรกิจมากกว่า 100 โครงการ ถือเป็นการกระจายเม็ดเงินสู่ภูมิภาคทั่วประเทศ”
ทั้งเป็นการกระตุ้นให้คนท้องถิ่นภูมิใจในบ้านเกิดตนเอง ผ่าน “อัตลักษณ์” และการผลักดันกลุ่มเอสเอ็มอี ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็วขึ้น อาทิ การสนับสนุนพื้นที่ขายให้เอสเอ็มอีกว่า 1 แสนตร.ม.ต่อปี ช่วยสร้างแบรนด์ผ่านโครงการ เอสเอ็มอี LEAD รวม 4 รุ่นมากกว่า 150 แบรนด์
นอกจากนี้มีแผนขยายตลาดไปต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย เวียดนาม รวมทั้งการซินเนอร์ยีธุรกิจใน “กลุ่มเซ็นทรัล” ที่ขยายไปใน 18 ประเทศทั่วโลก พร้อมให้ความสำคัญในเรื่องความยั่งยืน หรือ Sustainability ตั้งเป้าหมายสู่ เน็ตซีโร่ในปี 2050
“ทั้ง 3 เรื่องหลัก การปรับตัว การกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค และการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน ล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศไทยและธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ช่วยกันร่วมผลักดัน คิดจริง ทำจริง และทำให้เร็วมากกว่าเดิม เซ็นทรัลพัฒนา พร้อมที่จะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในการพัฒนาคน พัฒนาเมือง และพัฒนาประเทศ”
เซ็นทรัลพัฒนา ในฐานะเป็นภาคเอกชนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม และประเทศไทย โดยมีความมั่นใจที่จะลงทุนพัฒนาโครงการทั่วประเทศต่อเนื่องตามแผน 5 ปี มากกว่า 1.2 แสนล้านบาท ครอบคลุมกว่า 30 จังหวัด ซึ่งแนวทางการลงทุนสอดคล้องกับนโยบายภาครัฐตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในการขยายโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการยกระดับศักยภาพเมืองรอง และการพัฒนาเขตเศรษฐกิจต่างๆ ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ