โรดแมปเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้5ปีบาลานซ์พอร์ตพอร์ตดันรายได้3หมื่นล้าน
เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ เปิดโรดแมป5ปี เร่งบาลานซ์พอร์ตอสังหาฯ -คลังสินค้า-คอมเมอร์เชียลลดเสี่ยงรับมือความท้าทายใหม่จากภาวะเงินเฟ้อ ดอกเบี้ยขาขึ้น กระทบต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น และเศรษฐกิจ คาดรายได้ทะลุ3หมื่นล้าน
นายธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย)จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ทิศทางของเฟรเซอร์สฯในอีก5 ปี(2566-2570)ต่อจากนี้ หลังจากที่เศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว ซึ่งยังคงมีความท้าทายรออยู่ข้างหน้า ในส่วนของธุรกิจที่อยู่อาศัยพัฒนาโครงการอยู่ 73 โครงการ โดยปีนี้จะขยายโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่และซูเปอร์ลักชัวรี่ราคา 60-120 ล้านบาท มี 3 แบรนด์ ได้แก่ เดอะ โรยัล เรสซิเดนซ์, อัลพีน่าและ เดอะ แกรนด์รวมถึงมีแผนบุกตลาดคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ราคา 3-5 ล้านบาท และลงทุนในต่างจังหวัดจำนวน 14 โครงการ มีทั้งทาว์นโฮม บ้านแฝด
ส่วนของอุตสาหกรรมถือว่าเป็นผู้นำตลาดมีทรัพย์สินภายใต้การบริหาร3.26ล้านตร.ม.เป็นคลังสินค้าโรงงานให้เช่า พร้อมทั้งมีการขยายการลงทุนไปที่ประเทศเวียดนามและอินโดนีเซียปีที่ผ่านมา ส่วนพาณิชยกรรมไม่ว่าจะเป็นอาคารสำนักงาน รีเทล และโรงแรม โดยส่วนใหญ่จะเป็นอาคารสำนักงานที่บริหารอยู่ถึง2.4แสนตร.ม. ซึ่งประกอบด้วย เอฟวายไอ ,สามย่านมิตรทาวน์ ,สีลมเอจ ,ปาร์คเวนเจอร์ สาทรสแควร์และ มีโรงแรมจำนวน 1,000 โรง
นอกจากนี้ยังเตรียมส่งมอบพื้นที่ให้ลูกค้าอีกกว่า 1.5แสนตร.ม. ส่งผลให้บริษัทจะมีพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการรวมกว่า 3.55 ล้านตร.ม. ตอกย้ำการเป็นผู้นำอันดับ 1 ในการเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม พร้อมกันนี้ยังมีการพัฒนาเมกะโปรเจกต์เป็นเมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่บนพื้นที่ 4,600 ไร่ในจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อเป็นต้นแบบสะท้อนกลยุทธ์ ONE Platform
" จากกลยุทธ์ ONE Platform ที่ประกอบด้วย 3 ธุรกิจที่อยู่อาศัย พาณิชยกรรมและอุตสาหกรรมทำให้สามารถฝ่าวิกฤติโควิด-19 สร้างการเติบโตผ่านการขยายฐานลูกค้าของทุกกลุ่มธุรกิจ โดยปรับกลยุทธ์และแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจเพื่อรุกตลาดและจับกลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น "
นายธนพล กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจต่อจากนี้ไปต้องระมัดระวัง เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อยังไม่หยุดฉะนั้นอัตราดอกเบี้ยยังคงขึ้นอยู่ผลให้ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้นและมีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นความท้าทายที่ต้องระมัดระวัง
ขณะเดียวกันผู้เล่นในตลาดเพิ่มขึ้น ทำให้การแข่งขันรุนแรงขึ้น ลูกค้าในบางกลุ่มไม่ได้มีมากขึ้นเหมือนเดิม ผู้ประกอบการที่พัฒนาโครงการบ้านบางรายหันมาทำคลังสินค้า โรงพยาบาล โรงแรมฯลฯมากขึ้นสะท้อนให้ห็นว่าการทำธุรกิจอย่างเดียวทำให้ความยืดหยุ่นไม่พอที่รับมือกับการเปลี่ยนแปลง
โดยการขับเคลื่อนสู่การเป็น Real Estate as a Service Brand ภายในปี 2568 บริษัทกำหนดแผนการดำเนินงานใน 3 มิติหลัก ได้แก่
People การมุ่งดูแลพนักงานซึ่งเป็นหัวใจหลักในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับธุรกิจ โดยให้ความสำคัญในการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างทีมงานที่เข้มแข็งในการมุ่งสู่การเป็น Employer of Choiceที่คนอยากร่วมงานด้วย
Planet ด้วยการดำเนินธุรกิจโดยยึดมั่นและคำนึงถึงสังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล หรือ ESGในทุกด้าน
และPurpose ที่เข้ามาเพิ่มเติมจากการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพเพื่อสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ให้เป็นที่จดจำและเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนถึงการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าผ่าน 3 กลุ่มธุรกิจ โดยบริษัทตั้งเป้าติด 1ใน5 ของแบรนด์อสังหาริมทรัพย์ของไทยในปี2568
ฉะนั้นแผนของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ในอีก5 ปีต่อจากนี้จะพยายามปรับสัดส่วนรายได้ของ 3 ธุรกิจหลัก ซึ่งประกอบด้วยที่อยู่อาศัย พาณิชยกรรม และ อุตสาหกรรม ด้วยการขยับมาลงทุนในอุตสาหกรรมมากขึ้นเพราะเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตต่อเนื่องหลังจากเกิดโควิด-19 คนหันมาใช้อีคอมเมิร์ซมากขึ้นและเป็นเทรนด์เกิดขึ้นทั่วโลกแต่อย่างไรก็ตามสัดส่วนรายได้หลักยังคงเป็นที่อยู่อาศัย
โดยในปี2565ที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้ 16,346 ล้านบาทสัดส่วนรายได้หลักมาจากที่อยู่อาศัย 75% อุตสาหกรรม17% และพาณิชยกรรม 8% ปีนี้บริษัทตั้งเป้าจะมีรายได้ 17,925ล้านบาทสัดส่วนรายได้หลักมาจากที่อยู่อาศัย 73% อุตสาหกรรม19 %และพาณิชยกรรม8%
ส่วนปี 2568 จะมีรายได้ 21,195 ล้านบาทสัดส่วนรายได้หลักมาจากที่อยู่อาศัย 69% อุตสาหกรรม23 % และพาณิชยกรรม8% และในปี2570 จะมีรายได้ 30,000ล้านบาท คาดว่าภายใน7-8ปีสัดส่วนรายได้ระหว่างอสังหาฯกับรายได้ประจำจากอุตสาหกรรม และพาณิชยกรรมจะเท่ากัน 50:50 โดยในแต่ละปีจะใช้งบลงทุนปีละประมาณ10,000 ล้านบาท