ตราเพชรขยายฐานลูกค้าคอนโดฟื้นพร้อมเจาะตลาดโคเวิร์กกิ้งสเปซ
ตราเพชร เปิดกลยุทธ์ปี 66 ผลักดันการเติบโต 5% นำเสนอโซลูชันนวัตกรรมสินค้าและบริการ รุกขยายฐานลูกค้าคอนโดฟื้น พร้อมปรับโฉม Diamond Cafe เจาะตลาด โคเวิร์กกิ้งสเปซ
นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์และบอร์ดไฟเบอร์ซีเมนต์ บอร์ดตกแต่งผนัง อิฐมวลเบา คานทับหลัง เคาน์เตอร์มวลเบาสำเร็จรูป ร้านกาแฟสำเร็จรูป DIAMOND Cafe หลังคาและกระเบื้องหลังคา ตราเพชร เผยว่า แผนการดำเนินงานปีนี้ได้วางเป้าหมายรายได้เติบโต 5% สอดคล้องทิศทางตลาดวัสดุก่อสร้างที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น
โดยบริษัท เตรียมความพร้อมการบริหารจัดการทุกด้าน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันการทำตลาดให้แก่แบรนด์ ‘ตราเพชร’ ทั้งด้านประสิทธิภาพการผลิตโดยรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรเฉลี่ยทั้งปีไม่ต่ำกว่า 90% เพื่อสนับสนุนการทำตลาด โดยจะร่วมมือกับคู่ค้าพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าในทุกช่องทางการจำหน่ายเพื่อขับเคลื่อนแผนงานให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้
สำหรับกลยุทธ์ปีนี้จะมุ่งต่อยอดข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันแบรนด์ ‘ตราเพชร’ ที่มีความหลากหลายผลิตภัณฑ์สามารถก่อสร้างบ้านได้ทั้งหลัง ทั้งระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์และบอร์ดไฟเบอร์ซีเมนต์ บอร์ดตกแต่งผนัง อิฐมวลเบา เพื่อต่อยอดขยายฐานตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าที่อยู่อาศัยแนวสูงหรือประเภทคอนโดมิเนียม ผ่านการนำเสนอโชลูชันนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ ด้วยจุดเด่น Function และ Fashion ที่ติดตั้งง่าย สะดวก รวดเร็ว มีรูปแบบและสีสันสวยงาม พร้อมบริการด้วยทีมช่างมืออาชีพตอบโจทย์ความต้องการคู่ค้าและเพิ่มมูลค่าการขายให้สูงขึ้น
รวมถึงปรับโฉม Diamond cafe ขยายฐานตลาดจากกลุ่มผู้ประกอบการร้านกาแฟไปสู่กลุ่มผู้ประกอบการทั่วไปที่ต้องการก่อสร้างออฟฟิศสำนักงาน หรือ Co-Working Space ถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสของ ‘ตราเพชร’ ช่วยตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า ทั้งระยะเวลาการก่อสร้างและงบประมาณที่มีความเหมาะสม
ขณะเดียวกัน DRT มีแผนปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ดีขึ้นต่อเนื่องภายใต้งบลงทุน 200 ล้านบาท โดยจะเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของไลน์การผลิตกระเบื้องหลังคาคอนกรีตและอิฐมวลเบา รวมถึงดำเนินโครงการเพื่อยกระดับโรงงานไปสู่ Smart Factory อย่างต่อเนื่อง จากการใช้ระบบ Automation และ IoT เพื่อส่งเสริมการบริหารจัดการต้นทุน ควบคู่การบริหารจัดการด้านทรัพยากรและพลังงานหมุนเวียน ภายใต้แนวคิด Circular Economy ช่วยบริหารความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนด้านต้นทุนพลังงาน ส่วนความคืบหน้าการลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตกระเบื้องคอนกรีตอีก 100,000 ตัน คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องจักรและผลิตสินค้าเชิงพาณิชย์ได้ภายในครึ่งปีแรกของปี 2567
“ปีนี้เราพร้อมรุกตลาดวัสดุก่อสร้างเพื่อรักษาความเป็นผู้นำตลาดฯ ตอกย้ำจุดแข็งความหลากหลายผลิตภัณฑ์มาต่อขยายฐานสู่กลุ่มที่อยู่อาศัยแนวสูง โดยจะร่วมมือกับคู่ค้าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และนำเสนอบริการเข้าไปตอบโจทย์ความต้องการงานก่อสร้างโครงการแนวสูง เพื่อผลักดันการเติบโตในปีนี้ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้” นายสาธิต กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2565 บริษัทฯ สามารถทำผลการดำเนินงานเติบโตได้มากกว่าเป้าหมาย โดยมีรายได้รวมเป็นสถิติสูงสุดที่ 5,250.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.80% และมีกำไรสุทธิ 625.61 ล้านบาท เติบโต 6.86% ตอกย้ำถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ บริษัท ได้เป็นอย่างดี