"AWC" ชูจุดขาย 4 อาคารสำนักงานยุคใหม่ ตอบโจทย์ 5 เทคนิค เลือกออฟฟิศตรงสเปก
"AWC" ชูจุดขาย 4 อาคารสำนักงานยุคใหม่บนพื้นที่ศักยภาพย่าน CBD (Central Business District) ของกรุงเทพฯ ตอบโจทย์ 5 เทคนิค เลือกออฟฟิศให้ตรงสเปก
การเลือก อาคารสำนักงาน ให้ "ตรงโจทย์ธุรกิจ" และ "ตรงใจพนักงาน" เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างพิถีพิถันและรอบด้าน เพราะมีผลอย่างยิ่งต่อการบริหารงานให้ได้ประสิทธิผลและประสิทธิภาพสูงสุด "กรุงเทพธุรกิจ" รวบรวม 5 เทคนิคสำคัญมาฝากก่อนตัดสินใจ ดังนี้
1. ทำเลทองรองรับการเติบโตของธุรกิจ พิชิตการเดินทาง
จากทุกผลสำรวจความคิดเห็นของเหล่าผู้ประกอบธุรกิจ ต่างยกให้ "ทำเล" และ "ความสะดวกในการเดินทาง" เป็นปัจจัยอันดับ 1 ของการเลือกอาคารสำนักงาน เพราะมีส่วนสำคัญทำให้ธุรกิจมีชัยบนสนามแข่งขัน เจ้าของธุรกิจ พนักงาน ลูกค้า และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถเดินทางสะดวก คล่องตัว จากการเชื่อมต่อกับเส้นทางหลัก พนักงานไม่เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ประหยัดแรงและเวลา นำพลังงานมาต่อยอดไฟการทำงานได้อย่างทรงประสิทธิภาพ
2. สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
ธุรกิจต้องล้วงลึกถึงอินไซต์ของพนักงานว่าต้องการ "ความสะดวก" เรื่องใดบ้าง เพื่อแก้ Pain Point ตรงจุด โดยเลือกอาคารสำนักงานยุคใหม่ที่ผ่านการตกผลึกแนวคิดการออกแบบมาอย่างดี มีสิ่งอำนวยความสะดวกภายในอาคารครบครัน ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า ร้านอาหารและเครื่องดื่ม คลินิกความสวยความงามและสุขภาพ ฟิตเนส และอื่นๆ นอกเหนือจากสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน เช่น ห้องประชุมที่เพียงพอ และกล้องวงจรปิด
3. ที่จอดรถเพียงพอ เติมจุดบริการชาร์จรถ EV
แม้พนักงานออฟฟิศส่วนใหญ่จะนิยมใช้บริการรถไฟฟ้า แต่ยังมีพนักงานและลูกค้าอีกมากที่สัญจรด้วยรถยนต์ส่วนตัว ปริมาณที่จอดรถภายในอาคารสำนักงานจึงต้องมีอย่างเพียงพอ พร้อมเกาะเทรนด์ "พลังงานทางเลือก" ที่กำลังมาแรง ด้วยการติดตั้งจุดให้บริการชาร์จแบตเตอรี่ รถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger Station) หลังผู้คนสนใจใช้รถยนต์ EV มากขึ้น เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายและลดการก่อฝุ่น PM 2.5
4. ยกระดับเทคโนโลยี จัดเต็มมาตรฐานความปลอดภัย
นอกเหนือจากความปลอดภัยด้านสุขอนามัยในยุคหลังโควิดที่ยังต้องรักษามาตรฐานต่อเนื่อง สร้างความมั่นใจแก่ผู้ใช้งานอาคาร รวมถึงความปลอดภัยด้านอัคคีภัยที่ต้องมีการซ้อมดับเพลิงหรือซ้อมอพยพหนีไฟแล้ว อีกจุดที่สำคัญคือ "การยกระดับเทคโนโลยี" มาประยุกต์ใช้ในการรักษาความปลอดภัย เช่น ระบบจดจำใบหน้า และระบบคิวอาร์โค้ด ให้เข้ากับยุคสมัย
5. อาคารสีเขียว คุณค่าใหม่รับเทรนด์ความยั่งยืน
เมื่อ "ความยั่งยืน" แทรกซึมทุกมิติการใช้ชีวิต แนวทางบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเลือก อาคารสำนักงาน พิจารณาได้จากการดำเนินโครงการต่างๆ เช่น โครงการประหยัดพลังงาน ช่วย ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สู่หมุดหมาย "สิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น" (BETTER PLANET) ร่วมสร้างความยั่งยืนในระยะยาว
จาก 5 เทคนิคการเลือกอาคารสำนักงานข้างต้น บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจรของประเทศไทย มีอาคารสำนักงานผสานไลฟ์สไตล์ตามแบบฉบับสังคมเมือง จำนวน 4 แห่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่ศักยภาพย่าน CBD ของกรุงเทพฯ พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทันสมัย
1. อาคาร "เอ็มไพร์"
อาคาร "เอ็มไพร์" อาณาจักรแห่งอาคารสำนักงานใจกลางกรุง ตั้งอยู่บนทำเลทองย่านสาทร เดินทางเชื่อมต่อได้อย่างสะดวกจากสถานีรถไฟฟ้า BTS ช่องนนทรี และรถโดยสารด่วนพิเศษ BRT สถานีสาทร มีที่จอดรถรองรับมากถึง 2,600 คัน ตอบความต้องการผู้ใช้รถยนต์ส่วนตัว โดยบริเวณชั้นใต้ดิน B1 มีจุดให้บริการ EV Charger Station และบริการ HAUP รถยนต์ไฟฟ้าให้เช่ารายชั่วโมง
นอกจากนี้ AWC ยังให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมและสุขอนามัย มุ่งมั่นดำเนินการตามมาตรฐาน LEED ซึ่งเป็นมาตรฐานการประเมินอาคารสีเขียวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรของอาคารและช่วยลดผลกระทบด้านลบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยของผู้อยู่อาศัยและผู้ใช้อาคาร และ WELL มาตรฐานการออกแบบที่เกี่ยวข้องกับการยกระดับสุขภาวะและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้ใช้อาคาร
หนึ่งในไฮไลต์คือ การจัดสรรพื้นที่รีเทล "EmSpace" ตอบไลฟ์สไตล์คนทำงาน ใช้ชีวิตได้ตั้งแต่เช้ายันค่ำ เหมือนมีศูนย์การค้าขนาดย่อมบรรจุภายใน อัดแน่นด้วยร้านค้าหลากหลายหมวด ทั้งร้านอาหารและเครื่องดื่มนานาชาติ ซูเปอร์มาร์เก็ต ฟู้ดคอร์ท คลินิกความงามและสุขภาพ ร้านขายยา ธนาคาร ฟิตเนส ห้องประชุม โคเวิร์กกิงสเปซ และอื่นๆ สามารถเลือกซื้อสินค้าบริการ เติมพลังงานระหว่างวัน ทำธุรกรรมได้ครบจบในที่เดียว สอดรับกับคอนเซ็ปต์อาคาร ENERGY EXCELLENCE EXPERIENCE พร้อมมอบประสบการณ์ที่ดี
แม้สิ่งอำนวยความสะดวกจะดูครบครัน แต่ อาคาร "เอ็มไพร์" ไม่เคยหยุดพัฒนา ล่าสุด AWC ลงทุน 1,000 ล้านบาท เปิดตัว "Co-Living Collective : Empower Future" ซึ่งเป็นครั้งแรกของการนำพื้นที่ "Co-Living Space" รวมกว่า 1,500 ตารางเมตร ขนาดใหญ่สุดบนชั้น 53 สร้าง "The Residence at Empire Co-Living" มอบประสบการณ์ใหม่แก่ผู้เช่าโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ด้วยการผสมผสานการทำงานและการใช้ชีวิตเหมือนอยู่บ้านเข้าด้วยกัน อาทิ ห้องนั่งเล่น พื้นที่สันทนาการเพื่อการพักผ่อน ห้องครัวแบบเปิดส่วนกลางและพื้นที่รับประทานอาหาร ห้องสำหรับเด็ก ห้องเปลี่ยนผ้าอ้อม และพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยง นอกจากนี้ยังมีโซนพื้นที่ทำงานร่วมกัน ประกอบด้วย พื้นที่ส่วนกลาง และพื้นที่ทำงานส่วนตัว พื้นที่สำหรับสนทนากลุ่มและประชุม ตลอดจนโซนเพื่อการผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ ประกอบด้วย Nap Lounge สำหรับการพักผ่อนเติมพลัง ห้องอาบน้ำ และห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า โดยจะทยอยเปิดให้บริการแต่ละส่วนตลอดปี 2566
และในอนาคตอันใกล้ รูฟท็อปของ อาคาร "เอ็มไพร์" จะกลายเป็น "จุดหมายปลายทางระดับโลก" หลังจาก AWC ประกาศแผน เตรียมเปิด "EA Rooftop" จุดหมายด้านอาหารและเครื่องดื่มบนรูฟท็อปแห่งใหม่ของไทย ภายในปี 2566 รวบรวมประสบการณ์กินดื่มจากหลากหลายแบรนด์ที่มีชื่อเสียงไว้ในที่เดียว ด้วยพื้นที่กว่า 8,460 ตารางเมตร บนชั้น 55 - 58 ชูแนวคิดการออกแบบ "EA" (เอ-ยา) ซึ่งแปลว่า "เสรีภาพ อากาศ การเฉลิมฉลอง" สมกับที่ตั้งบนยอดอาคารใจกลางมหานคร "กรุงเทพฯ" นำโดยร้านอาหาร "Nobu" แห่งแรกในไทยภายใต้ความร่วมมือระหว่าง AWC กับ Nobu Hospitality โดยเนรมิตให้เป็นร้านอาหารรูฟท็อปขนาดใหญ่ ดึงดูดทั้งชาวไทยและผู้คนจากทั่วโลกมากินดื่ม พบปะสังสรรค์ ฉลองความสำเร็จร่วมกัน ผสมผสานระหว่างธุรกิจและไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว
2. แอทธินี ทาวเวอร์
Athenee Tower (แอทธินี ทาวเวอร์) อาคารสำนักงานเกรด A เจ้าของรางวัลมาตรฐานอาคารยั่งยืน ตั้งอยู่บนทำเลใจกลางเมืองย่านเพลินจิต ติดถนนวิทยุ แวดล้อมด้วยที่ทำการของสถานทูต สถาบันการเงินต่างประเทศ สำนักงานประจำภูมิภาคของบริษัทข้ามชาติ บริษัทด้านเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพ รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวและช้อปปิ้งชื่อดัง เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า BTS สถานีเพลินจิต ส่วนผู้ใช้รถยนต์ส่วนตัวไม่ต้องกังวล เพราะมีที่จอดรถจำนวนมากรองรับ ควบคู่กับจุดให้บริการ EV Charger Station และบริการรถยนต์ไฟฟ้าให้เช่ารายชั่วโมง
อีกหนึ่งจุดเด่นคือการเชื่อมต่อกับ "ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักชัวรี คอลเลคชัน โฮเทล" โรงแรมหรูระดับ 5 ดาวในเครือ AWC จึงไม่แปลกใจ เมื่อก้าวเข้ามาใน Athenee Tower แล้ว จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความเป็นโรงแรมเต็มขั้น ความพิเศษอยู่ตรงที่สามารถเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกของโรงแรม ทั้งห้องอาหารและคาเฟ่นานาชาติ ด้วยบริการระดับเอ็กซ์คลูซีฟ ตามความมุ่งหมายของคอนเซ็ปต์อาคาร "PRESTIGE EXPERIENCE"
3. อาคาร 208 แบงค๊อก
อีกหนึ่งอาคารสำนักงานเกรด A มาตรฐานอาคารยั่งยืน บนถนนวิทยุ ย่านเพลินจิต เชื่อมต่อการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS สถานีเพลินจิต และรถไฟฟ้า MRT สถานีลุมพินี ด้านแนวคิดการออกแบบอาคารโดดเด่นด้วยสไตล์มินิมอล ร่วมสมัย และอยู่เหนือกาลเวลา หากได้เป็นเจ้าของพื้นที่ทำงานในอาคารนี้แล้ว รับรองว่าถูกใจ เพราะตัวอาคารล้อมรอบด้วยพื้นที่สีเขียวให้ได้ดื่มด่ำวิวพาโนรามา สดชื่นสบายตา และในทางจิตวิทยา "สีเขียว" ยังช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ เพิ่มประสิทธิผลของงานได้ดี ตามคอนเซ็ปต์ของที่นี่ "AN EXCLUSIVE SANCTUARY" สถานที่สุดเอ็กซ์คลูซีฟ เป็นได้ทั้งที่ทำงาน ที่พักร้อน และที่หลบซ่อนจากความวุ่นวาย นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างร้านอาหารและเครื่องดื่ม คลินิกความสวยความงาม ฟิตเนสจากเชนระดับโลก และบริการล็อบบี้ส่วนตัว
4. อินเตอร์ลิ้งค์ ทาวเวอร์ บางนา
แม้ที่ตั้งจะอยู่บนถนนบางนา-ตราด ย่านบางนา แถบชานเมืองตะวันออก ไม่ได้ปักหมุดใจกลางกรุงเทพฯ เหมือน 3 อาคารแรก แต่ศักยภาพการเติบโตของทำเลแห่งนี้ มีดีตรงที่เป็นตำแหน่งยุทธศาสตร์ เชื่อมต่อกับโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) หนึ่งในเมกะโปรเจกต์ระดับชาติ รวมถึงนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ สามารถเดินทางด้วยรถยนต์จากหลายเส้นทาง สะดวกในการเดินทางสู่ใจกลางกรุงและสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมรองรับการเชื่อมต่อในอนาคตกับรถไฟฟ้า LRT สถานีเปรมฤทัย เหมาะกับการปักธงสำนักงานบนทำเลเด่น ย่าน CBD ใหม่ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ (PRIME LOCATION, NEW CBD IN THE EAST END OF BANGKOK) จึงไม่เกินเลยนักหากจะบอกว่า อินเตอร์ลิงค์ ทาวเวอร์ บางนา ตอบโจทย์การลงทุนตั้งสำนักงานเพื่อ "ซื้ออนาคต"
ปัจจุบัน อินเตอร์ลิ้งค์ ทาวเวอร์ บางนา เป็นที่ตั้งของบริษัทส่งออกและไอทีชั้นนำหลายแห่ง มีที่จอดรถกว้างขวาง พร้อมรองรับกว่า 1,500 คัน โดยปัจจุบันเตรียมแผนปรับโฉมครั้งใหญ่ ออกแบบภายนอกอาคารด้วยดีไซน์ใหม่ รูปลักษณ์ดึงดูด ควบคู่ไปกับการเติมมิติรีเทลให้คึกคัก ดึงแฟรนไชส์ร้านอาหารและเครื่องดื่มชื่อดังในประเทศมาเสริมทัพ สร้างภาพลักษณ์ใหม่แก่อาคาร รองรับกำลังซื้อของพนักงานออฟฟิศ
ด้านมาตรฐานควบคุมความปลอดภัยของอาคารสำนักงานทั้ง 4 แห่ง วางใจได้แน่นอน เพราะจัดเต็มด้วยการยกระดับเทคโนโลยี มีระบบจดจำใบหน้า พนักงานและผู้ติดต่อสามารถเข้าออกอาคารได้อย่างสะดวกด้วยระบบคิวอาร์โค้ด ตอบโจทย์ทั้งการดูแลรักษาความปลอดภัยและสุขอนามัยในยุคหลังโควิด-19
ทั้งหมดนี้ คือจุดเด่นของอาคารสำนักงานยุคใหม่ในเครือ AWC สอดรับกับ "เทคนิคการเลือกออฟฟิศ" ให้ตรงสเปก ตรงใจพนักงาน และตรงโจทย์ธุรกิจในบริบทไลฟ์สไตล์ของผู้คนที่เปลี่ยนไป ยึดโยงเข้าหาเทรนด์ใหม่ของโลก