ถอดรหัสโปรเจคหรู‘โครนอส’สไตล์‘นที พานิชชีวะ’สู่เทพเจ้าแห่งกาลเวลา

ก่อนหน้านี้ที่ดินแปลงดังกล่าวในย่านสาทรเดิมเป็นของเจ้าพระยายมราช ต่อมาครอบครัว“พานิชชีวะ”ได้ทำเป็นอพาร์ตเมนต์ให้เช่าชื่อ 'สุคนธ์คอร์ต' มาประมาณ20ปีจากนั้นที่ดินในย่านสาทรถูกพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่องต่อมาได้ปรึกษากับ“อนันต์ อัศวโภคิน”แลนด์แอนด์เฮ้าส์ได้แนะนำว่า ที่ดินในโซนนี้เหมาะที่ทำอาคารสำนักงาน จึงได้รื้ออพาร์ทเม้นท์ มาทำอาคารสำนักงานแทน 
                
โดยก่อนหน้านั้นได้เดินทางไปเมืองแมนฮัตตัน สหรัฐอเมริกา ได้เห็นอาคารอายุนับ 100 ปี จึงต้องการสร้างอาคารที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามแนวกันในประเทศไทยให้มีอายุอยู่ได้เป็น 100 ปี และอีกองค์ประกอบต้องมีคือ “นาฬิกา” ที่มาจากแนวคิดการสร้างศูนย์กลางของเมืองที่มีหอนาฬิกาเหมือนในยุโรป เพื่อให้มีคุณค่าเช่นอาคารสำนักงานที่มีชื่อเสียงในมหานครสำคัญของโลกที่ยังคงความงามแบบคลาสสิกแม้เวลาจะผ่านไปนับ100 ปี

จุดเด่นที่สร้างความแตกต่างในตลาดออฟฟิศเกรด A ในกรุงเทพฯคืองานสถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่นไม่เหมือนใครด้วยการออกแบบนาฬิกาขนาดใหญ่บนยอดตึก ซึ่งถือว่ามีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลก ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเชิญผู้เชี่ยวชาญจาก Guinness World Records มาทำการตรวจสอบเพื่อการจัดอันดับอย่างเป็นทางการต่อไป 

จากจุดเริ่มต้นที่เกี่ยวข้องกับ“นาฬิกา”หรือกาลเวลาทำให้“นที”ตั้งชื่ออาคารสำนักงานแห่งนี้ว่า“โครนอส”(Kronos) เป็นเทพแห่งกาลเวลาของกรีกเพื่อสร้างเอกลักษณ์ที่แตกต่างดังเช่นอาคารสำนักงานที่มีชื่อเสียงในมหานครสำคัญของโลกที่ยังคงความงามแบบคลาสสิกอย่างไร้กาลเวลา และคงความงามสง่าอยู่คู่ย่านสาทรและมหานครแห่งนี้ไปอีกตราบนานเท่านาน

ปัจจุบัน “นที” ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ บริษัท ไพบูลย์ธุรกิจ จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว‘พานิชชีวะ’ ที่ดำเนินธุรกิจมา50 ปีมาแล้วเริ่มจากธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ ย่านสยามสแควร์ ต่อมาเปลี่ยนมาซื้อที่ดินแล้วเก็บมาพัฒนา แต่ธุรกิจหลักของครอบครัวยังคงเป็นธุรกิจประกันภัย

 โดยก่อนหน้านี้นที พานิชชีวะ นั่งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยศรีประกันภัย จำกัด(มหาชน)แต่ตั้งแต่ปี2559 เป็นต้นมา ไทยศรีประกันภัยได้ปรับโครงสร้างใหม่ หลังได้พันธมิตรแอโก้กรุ๊ปร่วมทุน ตระกูล “พานิชชีวะ”ปรับลดบทบาทบริหาร เปิดทางทุนใหม่แอโก้กรุ๊ปส่งผู้บริหารมือดีนั่งกุมบังเหียน

“นที” บอกว่า แนวทางการลงทุนของตนเองไม่หวือหวา เพราะด้วยประสบการณ์และอายุทำให้มองว่า จริงๆแล้ว การลงทุนแบบค่อยเป็นค่อยไปเหมาะสมและปลอดภัยซึ่งแตกต่างจากสมัยก่อนที่อายุน้อยการลงทุนหวือหวารวมทั้งกิจกรรมความชอบเปลี่ยนไปจากสมัยก่อนที่ชอบขับรถปอร์เช่คันโปรดแต่พออายุมาขึ้น(65ปี)ก็เปลี่ยนมีคนขับรถให้แทน

 "ต้องยอมรับว่าการทำธุรกิจสไตล์นี้มีทั้งข้อดีข้อเสีย เหมือนเหรียญมี2ด้านแต่สำหรับเรามองว่า ดีในแง่ความมั่นคงในระยะยาว ทุกอย่างมีข้อดีข้อเสียส่วนในอนาคตคงให้ทายาทเข้ามาดูแลต่อซึ่งขึ้นอยู่กับความชอบและถนัดของเขา ส่วนการขยายธุรกิจคงต้องรอจังหวะเวลาที่เหมาะสม หลังจากที่โครงการนี้อยู่ตัวก่อน "