‘ริชี่ เพลซ’หันเจาะนักลงทุน-แตกไลน์ธุรกิจสุขภาพ
ริชี่ เพลซ งัดกลยุทธ์แก้เกมลูกค้ากู้ไม่ผ่าน หันพัฒนา IP Program จับนักลงทุนกระเป๋าหนัก นำร่อง 5 โครงการ ดันรายได้สิ้นปี 1.2 พันล้านตามเป้า พร้อมเล็งแตกไลน์ธุรกิจสุขภาพ-โรงแรม กระจายความเสี่ยง
นางสาวพิชญา ตันโสด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ริชี่ เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมในปี 2566 บริษัทคาดเติบโตได้ตามเป้าหมาย แม้ว่าครึ่งปีแรกจะขาดทุนโดยผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมาถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก เป็นผลมาจากบริษัทได้เปิดตัวการลงทุนรูปแบบ IP Program เพื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์การลงทุนในปัจจุบันที่มีคนหันมาให้ความสนใจกับการลงทุนในรูปแบบต่างๆ เพิ่มสูงขึ้น แทนการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัย
“เราเริ่มทดลองตั้งแต่ไตรมาส 2 ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดี ทำให้ภาพรวมของผลประกอบการในไตรมาส 3 ปี 2566 เป็นไปในทิศทางที่ดี จากการปรับโมเดลธุรกิจดังกล่าว ที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อ”
สำหรับโครงการที่เข้าร่วมการลงทุนรูปแบบ IP Program ปัจจุบันมี 5 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการ เดอะริช เพลินจิต–นานา, 2.โครงการ เดอะริช สาทร-ตากสิน, 3.โครงการ เดอะริช พระราม 9-ศรีนครินทร์, 4.โครงการ ริชพาร์ค เทอมินอล @พหลโยธิน 59 และ 5.โครงการ ดิ เอท คอลเลคชั่น
ทั้งนี้ การลงทุนในรูปแบ IP Program จะดำเนินการภายใต้บริษัท ริชี่เพลซพัฒนา จำกัด (เป็นบริษัทย่อยของ RICHY) ซึ่งเป็นการจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อมาดูแลลูกค้าและบริการในธุรกิจนี้โดยเฉพาะ
“ ปัจจุบันคนซื้อบ้านที่กู้ไม่ผ่านกันเยอะ เราจึงปรับตัวให้สอดรับกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งหลังมีการเปิดตัวการลงทุนรูปแบบ IP Program ทำให้ปัจจุบันริชี่ มีสัดส่วนลูกค้าในกลุ่มนักลงทุนเพิ่มขึ้น70-80% จากเดิมที่มีเพียง 10% สำหรับพฤติกรรมของลูกค้าที่ลงทุนรูปแบบ IP Program จะเลือกตัดสินใจจาก ผลตอบแทน,ทำเลที่ตั้งของโครงการ,การให้บริการและการดูแลของผู้ประกอบการ และจำนวนผู้คนในพื้นที่บริเวณนั้น”
นางสาวพิชญา กล่าวต่อว่า ในปี 2566 บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 1,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 945.59 ล้านบาท และยังคงเป้าหมายยอดขาย (Presale) ไว้ที่ 2,000 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดบริษัททำได้แล้ว 60% ส่วนในปี 2567 บริษัทจะเน้นระบายสต็อกที่มีอยู่ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีสต็อกพร้อมขายรวมมูลค่าประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันก็จะพิจารณาเปิดตัวโครงการใหม่ 1-2 โครงการ นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับธุรกิจใหม่ (New Business) โดยยังคงมีความสนใจในธุรกิจด้านสุขภาพและโรงแรม ซึ่งปัจจุบันมีการพิจารณาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นการต่อยอดและกระจายความเสี่ยงของบริษัท
“เรามองว่าภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่ดี เป็นผลมาจากสงครามในต่างประเทศ ดีมานด์จีนชะลอตัว ตลาดอสังหาริมทรัพย์จีนประสบปัญหาทำให้กำลังซื้อลดลง ซึ่งยังไม่นับรวมกลุ่มอาหรับที่กำลังเผชิญปัญหาสงคราม ผลจากสงครามใหม่และสงครามเก่าทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว ส่วนปัญหาในตลาดหุ้นกู้ก็ยังคงมีความกังวลเพราะมีการผิดนัดชำระ (Default) ในตลาดซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อความรู้สึกของคนซื้อ ทำให้ขายยากขึ้น"
อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ได้ปรับตัว โดยการมองหาแหล่งทุนใหม่ๆ สำรองไว้ เช่น ICO (Initial Coin Offering) คือการระดมทุนที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาช่วยในอนาคต