‘Quiet Luxury’ ดันอสังหาฯหัวหิน-ภูเก็ตบูม รับดีมานด์เศรษฐีไทย-รัสเซีย
กลุ่มชาญอิสสระ เป็นหนึ่งในดีเวลลอปเปอร์ที่เข้ามาพัฒนาโครงการในเมือง "หัวหิน” ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นทำเลทองของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรีใกล้กรุงเทพฯ ตอบโจทย์เศรษฐีไทยที่มีไลฟ์สไตล์ “Quiet Luxury” รวมทั้งต่างชาติอย่างรัสเซีย
KEY
POINTS
- เป็นจุดยุทธศาสตร์ของภาครัฐในโครงการ ‘Thailand Riviera’
- มีการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทั้งรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน, มอเตอร์เวย์นครปฐม-ชะอำ, การขยายสนามบินหัวหิน
- ทำให้เกิดโครงการคอนโดมิเนียมและที่พักอาศัยเพื่อรองรับต่อความต้องการจำนวนมาก
10 ปีที่ผ่านมา ครอบครัวอิสสระและโชควัฒนา ลงขันพัฒนาอสังหาฯ ในหัวหิน ภายใต้ บริษัท ร่วมอิสสระ จำกัด เริ่มต้นจากโครงการทิวทะเลเวิลด์ ชะอำ-หัวหิน ซึ่งเป็นที่ดินของตระกูลโชควัฒนา ต่อมาซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อพัฒนาโครงการศศรา หัวหิน และโครงการซาซ่าส์ หัวหิน ตามลำดับ
ดิฐวัฒน์ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ร่วมอิสสระ จำกัด กล่าวว่า กลุ่มชาญอิสสระ มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ระดับลักชัวรี ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียม หรือ บ้าน ทำให้ได้การตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูงที่มีไลฟ์สไตล์ “Quiet Luxury” หรือชีวิตเรียบหรูแบบไม่ต้องป่าวประกาศ ทั้งรูปแบบดีไซน์ที่คลาสสิกเหนือกาลเวลา ทำเลที่ตั้งมีความเป็นส่วนตัว นอกเหนือจากทำเลในกรุงเทพฯ ลูกค้ากลุ่มนี้ต้องการที่อยู่อาศัยหลังที่ 2 หลังที่ 3 หรือซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่า
“หัวหิน” เป็นทำเลที่ได้รับความนิยมมาก เนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญใกล้กรุงเทพฯ ส่งผลให้ดีมานด์ที่อยู่อาศัยมีการเติบโตต่อเนื่อง เพราะนอกจากมีทะเลหาดทรายสวยแล้วยังเป็นที่ตั้งของสนามกอล์ฟ มีโครงสร้างพื้นฐานที่ภาครัฐกำลังพัฒนา อาทิ โครงการรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน โครงการมอเตอร์เวย์นครปฐม-ชะอำ การโครงการปรับปรุงและขยายสนามบินหัวหิน จึงเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง
สอดคล้องกับข้อมูลไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย พบว่า คอนโดมิเนียมบริเวณเขาตะเกียบมีอัตราการขายสูงสุดในอัตรา 96% รองลงมาได้แก่ คอนโดมิเนียมฝั่งไม่ติดทะเลและเขาเต่า มีอัตราการขาย 93% และ 91% ตามลำดับ ปัจจุบันที่ดินติดทะเลบริเวณหัวหินที่จะพัฒนาโครงการแทบไม่มีเหลือแล้ว
ล่าสุด พบห้องมีราคาขายเฉลี่ย 150,000 บาทต่อตร.ม. ในส่วนพื้นที่ฝั่งภูเขาที่ไม่ติดทะเลยังมีพื้นที่เหลือให้พัฒนาโครงการอีกมาก และน่าจะเป็นที่สนใจของนักลงทุนเพราะอยู่โซนตัวเมืองหัวหิน เป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติ สามารถทำราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรได้ต่ำกว่า 100,000 บาท
สำหรับราคาขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมที่เห็นวิวทะเลมีราคาเสนอขายเฉลี่ย 143,000 บาทต่อตร.ม. ราคาขายปรับตัวเพิ่มขึ้น 1% จากปี 2564 โดยโครงการใหม่ที่เห็นวิวทะเลมีราคาขายต่อห้องเฉลี่ยสูง 250,000 บาทต่อตร.ม. ส่วนราคาขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมที่ไม่เห็นวิวทะเลในบริเวณนี้มีระดับราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 69,800 บาทต่อตร.ม. ราคาขายค่อนข้างทรงตัวและลดลง 1.3%จากปี 2564
ดิฐวัฒน์ ระบุว่า ตลาดคอนโดมิเนียมหัวหินฟื้นตัวมากขึ้นทำให้ยูนิตเหลือขาย"ลดลง "โดยเฉพาะโครงการติดทะเลที่มียูนิตเหลือขายไม่มาก และที่ดินในการพัฒนาโครงการติดทะเลในตัวเมืองหัวหินหรือเขาตะเกียบก็เหลือน้อย และยากที่จะพัฒนาโครงการ หากมีการพัฒนาโครงการที่ติดทะเล ราคาขายจะปรับตัวสูงขึ้น
ยกตัวอย่าง “ศศรา หัวหิน” สร้างเสร็จพร้อมอยู่มียอดขายแล้ว 70% เหลือขาย 30 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 220,000 บาทต่อตร.ม. หรือเริ่มต้น 5.9 ล้านบาท สำหรับห้องเหลือขายมีทั้ง 1, 2 และ 3 ห้องนอน ซึ่งเป็นเพนต์เฮ้าส์ติดหน้าหาดเหลือ 2 ยูนิต เริ่มต้น 45-55 ล้านบาท คาดว่า ไตรมาสแรกปี 2568 จะปิดโครงการได้
โครงการ "ซาซ่าส์ หัวหิน” ซอยอ่าวหัวดอน บนที่ดิน 3 ไร่ 3 งาน เป็นอาคารสูง 7 ชั้น 3 อาคาร 248 ยูนิต มูลค่า 1,709 ล้านบาท มีห้อง 3 รูปแบบ 1, 2 และ 3 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 32-183 ตร.ม. ราคา 4.7-26 ล้านบาท เปิดตัว 1 มี.ค.ที่ผ่านมา มียอดขาย 20% เป็นคนไทยและต่างชาติสัดส่วน 50% เท่ากัน
"ลูกค้าคนไทยเป็นคนกรุงเทพฯ ที่ต้องการซื้อเพื่อมาพักผ่อนและปล่อยเช่า เพราะมีชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวและพักในหัวหินเพิ่มขึ้น เป็นโอกาสที่ดีในการปล่อยเช่าระยะยาว ผลตอบแทน 6-7% ขณะเดียวกัน มีกลุ่มคนต่างชาติเข้ามาซื้อมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือ คนรัสเซีย ที่หนีภัยสงคราม"
อีกหนึ่งเมกะโปรเจกต์ของชาญอิสสระในปี 2567 จะเป็นมิกซ์ยูสที่มีทั้งคอมเมอร์เชียล เรสซิเดนซ์เชียล และโฮเทลแอนด์รีสอร์ท บนทำเลศักยภาพในภูเก็ต บนที่ดินกว่า 70 ไร่ มูลค่าโครงการกว่า 10,000 ล้านบาท รองรับดีมานด์จากคนไทยและต่างชาติที่สนใจซื้ออสังหาฯในภูเก็ตมากขึ้น