เอฟเฟกต์ แบงก์เข้มปล่อยสินเชื่อ ดอกเบี้ยสูง ลูกค้าชะลอตัดสินใจซื้อที่อยู่

เอฟเฟกต์ แบงก์เข้มปล่อยสินเชื่อ ดอกเบี้ยสูง ลูกค้าชะลอตัดสินใจซื้อที่อยู่

ชีวาทัย เผยตลาดอสังหาหดตัวตามภาวะเศรษฐกิจซบเซา เอฟเฟกต์จากแบงก์เข้มปล่อยสินเชื่อ ดอกเบี้ยนโยบายส่งผลให้ลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อนาน จึงออกแคมเปญต่อเนื่องในรูปแบบของการให้บริการ financial consultant เจนสามารถกู้ผ่านและโอนได้

นายบุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) หรือ CHEWA เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภาพรวม อยู่ในช่วงหดตัวตามภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาลง ประกอบกับความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน แม้มีเรื่องมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ ที่มีการลดค่าโอนกรรมสิทธิ์ และค่าจดจำนองจากร้อยละ 3 เหลือร้อยละ 0.01

พร้อมขยายเพดานจากราคา 3 ล้านบาทเพิ่มเป็น 7 ล้านบาทแล้วจนถึงสิ้นปี 2567 แต่ก็ยังคงมีปัจจัยด้านลบในหลายเรื่องที่ส่งผลกระทบโดยรวม เช่น อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของลูกค้าในภาพรวม

ในส่วนของชีวาทัย แม้มีผลกระทบหลายด้านที่ชี้ชัดว่ากระแสของลูกค้าโดยรวมอยู่ในช่วงชะลอการตัดสินใจ จากสถิติในช่วงที่ผ่านมาพบว่า จำนวนลูกค้าที่เข้าชมโครงการไม่ได้มีอัตราลดลง แต่ลูกค้าใช้ระยะเวลาในการตัดสินใจนานขึ้น รวมถึงความสามารถในการกู้ลดลง บริษัทจึงมีนโยบายปรับกลยุทธ์เพื่อให้ทันกับสถานการณ์และกระแสของเศรษฐกิจในปัจจุบัน และจัดโปรโมชั่นให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด เน้นขายสินค้าในราคาที่จับต้องได้ 

รวมทั้งการออกแคมเปญต่อเนื่องที่เริ่มตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ของปีก่อน คือโปรโมชัน "อยากซื้อต้องได้ซื้อ" ที่มาในรูปแบบของการให้บริการ financial consultant เข้าดูแลลูกค้าที่มีปัญหาด้านการจัดการเอกสารการกู้สินเชื่อ การบริหารภาระหนี้ หรือปัญหาด้านวินัยทางการเงิน จนไม่สามารถกู้ได้ ชีวาทัยจะเข้าไปดูแลให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าในระยะยาวต่อเนื่องจนสามารถกู้ผ่านและโอนได้

 ทำให้มี backlog ส่วนหนึ่งที่อยู่กับเรานานมาก บางรายมากกว่า 6 เดือน และค่อยๆ ปรับปรุงวินัยทางการเงินจนสามารถกู้ได้สำเร็จ ทำให้บริษัทฯยังคงผลกำไรอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนั้นยังมีการสอบถามและจัดให้มีโปรโมชันที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ทำให้ลูกค้ามั่นใจว่าเมื่อซื้อสินค้าจากชีวาทัย จะได้สินค้าที่มีคุณภาพและมีการบริการหลังการขายที่ดีกว่า แม้ว่ามีผลกระทบบ้างจากกระแสของตลาดที่มีการให้โปรโมชันเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่งผลกระทบให้มีต้นทุนสูงขึ้น แต่บริษัท ยังคงมุ่งมั่นเป้าหมายรายได้ของปี 2567 ที่ 2,000 ล้านบาทเช่นเดิม
 

นายบุญ  กล่าวต่อว่า บริษัทยังคงมีแผนการขยายโครงการแนวสูงอีก 1-2 โครงการในปีนี้ เริ่มจากโครงการคอนโดมิเนียม “ชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค เอกมัย-รามอินทรา” มูลค่าโครงการ 1,014 ล้านบาท ภายใต้การร่วมทุนกับบริษัทนิปปอน สตีล โควะ เรียล เอสเตท จำกัด หรือ NSKRE ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีการเปิดให้เข้าชมโครงการและเปิดจองสำหรับลูกค้าเป็นครั้งแรกในช่วงเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา

เอฟเฟกต์ แบงก์เข้มปล่อยสินเชื่อ ดอกเบี้ยสูง ลูกค้าชะลอตัดสินใจซื้อที่อยู่

 โดยได้รับการตอบรับจากลูกค้าในพื้นที่เป็นอย่างดี มียอดจองในวัน Soft launch แรกของงานมากกว่า 120 ล้านบาท และจะมีการเปิดงานขายอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาสที่ 3 โดยโครงการนี้ โดดเด่นทั้งการออกแบบให้ตอบโจทย์การอยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่ ด้วยคอนเซ็ปต์ “GOOD VIBES, MORE LIFE” “ชีวิตที่ใช่ ใช้ได้สุดยิ่งกว่า” จะพักผ่อนหรือจะใช้ชีวิตก็สุดได้ทุกทาง พร้อมพื้นที่ส่วนกลางจัดเต็ม ให้คุณใช้ชีวิตได้สุดกว่าใคร และยังโดดเด่นด้านการเดินทางที่สะดวก โครงการอยู่บนถนนนวลจันทร์ ส่วนเชื่อมต่อถนนรัชดา-รามอินทรา, ใกล้ถนนเกษตร-นวมินทร์, ถนนนวมินทร์, ถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา, ทางด่วนฉลองรัช และทางด่วนกาญจนาภิเษกวงแหวนรอบนอก ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีคู้บอน ใกล้สถานีรถไฟฟ้าในอนาคต อย่างสายสีน้ำตาล สถานีนวลจันทร์ และรถไฟฟ้าสายสีเทา สถานีคลองลำเจียก 

บริษัทยังคงมุ่งเน้นนโยบายการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายให้มีความคุ้มค่า รวมถึงนโยบายที่มุ่งเน้นการนำหลักการด้านความยั่งยืน (ESG) หรือสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และบรรษัทภิบาล (Governance) เพื่อนำมาปรับใช้ให้เข้ากับการบริหารจัดการของบริษัท นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว CHEWA AI ทีมงานที่มุ่งเน้นการเรียนรู้และนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาประยุกต์ใช้เพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์ “Enhancing Sustainability through Artificial Intelligence” หรือ “เสริมสร้างความยั่งยืนผ่านปัญญาประดิษฐ์” เพื่อเป็นส่วนช่วยในการพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์และการเติบโตขององค์กรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2567  บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่  467.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนจำนวน 91.05 ล้านบาท คิดเป็น  24.45% โดยเป็นรายได้จากโครงการคอนโดมีเนียม จำนวน 321.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 11.73 % ส่วนรายได้จากโครงการแนวราบ จำนวน 131.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 65.07 % นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากโครงการบ้านมือสอง จำนวน 10.90 ล้านบาท และมีรายได้อื่นๆ จำนวน 3.97 ล้านบาท คิดเป็น 3.18 %  ของรายได้รวม ทำให้การดำเนินงาน 3 เดือน บริษัทมีกำไรสุทธิ อยู่ 4.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 112.53 % จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และการดำเนินงาน 6 เดือน บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ 20.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 171.24 % จากงวดเดียวกันในปีก่อน 

โดยยอดขายหลักเติบโตมาจากโครงการคอนโดมิเนียมในช่วงราคา 2-4 ล้านบาท ได้แก่ โครงการชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค ลาดพร้าว-โชคชัย 4 ทั้ง 2 เฟส โครงการชีวาทัย ปิ่นเกล้า และโครงการชีวาทัย เกษตร-นวมินทร์ ส่วนของโครงการแนวราบมาจากโครงการชีวาโฮม กรุงเทพ-ปทุม และ โครงการชีวาโฮม รังสิต-ปทุม นอกจากนี้ ยังได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าในโครงการบ้านเดี่ยว โครงการชีวารมย์ ราชพฤกษ์ตัดใหม่ที่เปิดจองและโอนกรรมสิทธิ์ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา