ไทยผงาดอสังหาฯ แบรนด์เนมโตแรง บูมยาว ชิงดีมานด์เศรษฐีซื้อลงทุน บ้านหลังสอง

ไทยผงาดอสังหาฯ แบรนด์เนมโตแรง บูมยาว  ชิงดีมานด์เศรษฐีซื้อลงทุน บ้านหลังสอง

ไทยผงาดอสังหาฯ แบรนด์เนมโตแรง บูมยาว ชิงดีมานด์เศรษฐีซื้อลงทุน บ้านหลังสอง ภูเก็ต และ กรุงเทพฯ ท็อปฟอร์มอีกครั้งหลังติดอันดับเมืองน่าเที่ยวน่าอยู่ระดับโลกจากหลายผลสำรวจ ล่าสุด เป็น 2ใน3 เมืองที่มี Branded Residences มากสุดในเอเชีย!

KEY

POINTS

  • ภูเก็ต และ กรุงเทพฯ ท็อปฟอร์มอีกครั้งหลังติดอันดับเมืองน่าเที่ยวน่าอยู่ระดับโลกจากหลายผลสำรวจ
  • ล่าสุด เป็น 2ใน3 เมืองที่มี Branded Residences มากสุดในเอเชีย!
  • น่าสนใจว่าราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำกว่าเมืองคู่แข่ง
     

บิลล์ บาร์เนตต์ กรรมการผู้บริหาร ซีไนน์ โฮเทลส์ (C9 Hotelworks) กล่าวว่า ตลาด Branded Residence ในเอเชีย ปี 2567 มีจำนวน 68,001 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 2.66 แสนล้านดอลลาร์ เติบโตเฉลี่ยปีละ 11%  ประเทศไทยเป็นตลาดใหญ่สุด มีส่วนแบ่งตลาด 23.3% ตามมาด้วย ฟิลิปปินส์ 17.3% และเกาหลีใต้ 11.3%โดย Branded Residencesในไทยมี 65 โครงการ จำนวน 16,271 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 5,478 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1.91 แสนบาทต่อตารางเมตร

หากจำแนกราคาตามประเภทที่อยู่อาศัย พบว่า “Branded Residences” ใจกลางกรุงเทพฯ มีราคาเฉลี่ย 8,323 ดอลลาร์ ราว 2.91 แสนบาทต่อตารางเมตร Branded Residences รีสอร์ต ราคาเฉลี่ย 4,614 ดอลลาร์ ประมาณ 1.61 แสนบาทต่อตารางเมตร และ Branded Residences กลุ่มลักชัวรี ราคาเฉลี่ย 12,729 ดอลลาร์  หรือ 4.45 แสนบาทต่อตารางเมตร

โดย “10 เดสติเนชั่น Branded Residences”  อันดับ 1 “ภูเก็ต” ตามด้วย มะนิลา กรุงเทพฯ กัวลาลัมเปอร์ พัทยา ดานัง ฮาลองเบย์ เซบู ปีนัง และ หัวหิน 

"ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทยกำลังเปลี่ยนไป ผู้ประกอบการหันมาให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งเพื่อดึงดูดผู้ซื้อต่างชาติมากขึ้น โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ด้วยเงื่อนไขสินเชื่อที่เข้มงวดสำหรับผู้ซื้อในประเทศ เศรษฐกิจซบเซา และอุปทานที่ล้นตลาด การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ผลักดันให้อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไทยก้าวไปอีกขั้น มีการนำ Branded Residences ระดับโลกมาผสมผสาน เพื่อสร้างชุมชนไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าระดับไฮเอนด์”

ไทยผงาดอสังหาฯ แบรนด์เนมโตแรง บูมยาว  ชิงดีมานด์เศรษฐีซื้อลงทุน บ้านหลังสอง

ตลาดอสังหาริมทรัพย์แบรนด์เนมในไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องหลังปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลให้เกิดกระแสย้ายฐานการลงทุนและย้ายที่อยู่าอาศัยจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น เพราะประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนต่างชาติและผู้ที่มองหาบ้านหลังที่สองเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตที่สำคัญ

“การแข่งขันในตลาดอสังหาริมทรัพย์แบรนด์เนมของไทยจะรุนแรงขึ้น เพราะมีแบรนด์ต่างชาติเข้ามาลงทุนเพิ่มมากขึ้น ทำให้แบรนด์ไทยต้องแข่งขันกับแบรนด์ระดับโลก”

จะเห็นว่า ดีเวลลอปเปอร์ไทยหลายราย ดึง Branded Residences เข้ามาเป็น “แม่เหล็ก” ดึงดูดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายระดับไฮเอนด์!หนึ่งในนั้น “ปอร์เช่ ดีไซน์ ทาวเวอร์ แบงคอก” (Porsche Design Tower Bangkok) โครงการระดับอัลตราลักชัวรี บนสุขุมวิท 38 ย่านทองหล่อ ของค่าย อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ สะท้อนให้เห็นถึงการก้าวกระโดดด้วยราคาขายต่อตารางเมตรสูงที่สุดในตลาด “1 ล้านบาท” ต่อตารางเมตร และราคาขายต่อยูนิตเริ่มต้นที่ 495 ล้านบาทต่อยูนิต ไปจนถึงสูงสุดกว่า 1,300 ล้านบาทต่อยูนิต

ชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวว่าแนวโน้มBranded Residences เข้ามามีบทบาทมาขึ้นหลังโควิด-19 เนื่องจากกลุ่มลูกค้าคอนโดมิเนียมแมสได้รับผลกระทบภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวกำลังซื้อลดลง ผู้ประกอบการหันนมาทำตลาดลักชัวรีมากขึ้น โดยดึงBranded Residences เข้ามาเป็น“จุดขาย” เพราะชาวคนต่างชาติรู้จักแบรนด์ Branded Residences อยู่แล้ว ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในการเข้ามาซื้อมากขึ้น

“เราเลือก Porsche ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าไทยและต่างชาติกำลังซื้อสูง เพื่อสร้างความแตกต่างในตลาดที่มีการแข่งขันสูง สำหรับอนันดา การผลักดันราคาและสร้างความแตกต่างเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้โครงการโดดเด่นจากคู่แข่ง”

สอดคล้องกับ กฤษณ์ เตชะสัมมา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออริจิ้น เนชั่นวายด์ จำกัด ในเครือออริจิ้น กล่าวว่า โครงการออริจิ้น รีสอร์ท เวิล์ด มูลค่า 8,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 25 ไร่ ติดหาดบางเทา เป็น Branded Residences จำนวน 2 โครงการ โรงแรม และคอนโดมิเนียม 5 ดาว

“คนต่างชาติรู้จักแบรนด์ Branded Residences อยู่แล้ว ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในการเข้ามาซื้อและใช้บริการมากขึ้น แม้ว่าแบรนด์ออริจิ้นจะเป็นที่รู้จักดีในประเทศไทย แต่ต่างชาติไม่รู้จักคุ้นเคย การใช้ Branded Residence ช่วยเสริมความเชื่อมั่นได้เป็นอย่างดี ในการทำอสังหาริมทรัพย์ทำเลท่องเที่ยวเป็นโซนไพร์ม”

คอนโดมิเนียม Branded Residence ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มได้เป็นอย่างดี แต่ทั้งเจ้าของกิจการ และ Branded Residences จะต้องมีข้อตกลงร่วมกันว่าจะพัฒนาโครงการระดับไหน กลุ่มเป้าหมายเป็นใคร เพื่อเลือกแบรนด์ที่ตอบโจทย์ โดยราคาหรือมูลค่าที่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับลูกค้าในแต่ละทำเล ที่สำคัญงานบริการและคุณภาพโครงการต้องเป็นไปตามมาตรฐานของแบรนด์นั้นๆ

กฤษณ์ มองว่า Branded Residence เป็นตัวเสริมทำให้โครงการเป็นที่รู้จักในกลุ่มคนต่างชาติที่เข้ามาในภูเก็ตได้ง่าย โดยเฉพาะคนรัสเซียส่วนใหญ่ซื้อเพื่อเป็นบ้านตากอากาศหลังที่สอง ซื้อเพื่อปล่อยเช่าที่ได้ราคาสูง  เพราะมองว่า Branded Residence มีมูลค่าเพิ่มในอนาคต (Capital Gain) และผลตอบแทนจากค่าเช่า (Rental yield) สูงกว่าคอนโดมิเนียมทั่วไป