‘อนันดา’งัดแลนด์แบงก์ลุยลงทุนปั้นมิกซ์ยูสรับไทยโกลบอลพร็อพเพอร์ตี้

ชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กลุ่มลูกค้าระดับกลางบนมีความอ่อนไหวต่อปัจจัยทางเศรษฐกิจไม่มากนัก ผนวกกับภาครัฐมีมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง หรือ มาตรการผ่อนคลายอย่างเช่นเกณฑ์การกำกับการดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย (Loan-to-Value : LTV) ที่จะสิ้นสุดในปีนี้ เป็นปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของตลาดอสังหาฯ ในครึ่งปีหลังได้เป็นอย่างดี

สำหรับ อนันดา โฟกัสเรื่อง “เซอร์วิส” มากขึ้น รับตลาดต่างประเทศที่เชื่อว่า “ไทย” และ กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่ ชาวต่างชาติที่มีเงินอยากมีที่อยู่อาศัยในเมืองไทย

“นโยบายเมดิคัลทัวริสซึ่ม เวลเนส ลองสเตย์ ส่งเสริมไทยให้เป็นศูนย์กลางโรงเรียนอินเตอร์เนชั่นแนลเหมือนในอังกฤษ อเมริกา เป็นเรื่องที่น่าสนใจ หากรัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นภาคเอกชนเปิดโรงเรียนอินเตอร์มากขึ้น สร้างโอกาสให้กับภาคอสังหาฯ รับดีมานด์กลุ่มคนที่เข้ามาใช้ชีวิตในทำเลนั้นๆ”

 ขณะเดียวกัน ประเทศไทยเป็น “โกลบอล พร็อพเพอร์ตี้”  ดังนั้นต้องเพิ่มบริการคล้ายโรงแรม และต้องมีฟังก์ชั่นของเฮลท์แคร์เซอร์วิส รวมถึงการศึกษา เพื่อให้เป็น “มัลติ ลิฟวิ่ง มิกซ์ยูส” 

ปัจจุบัน อนันดา มีที่ดินแปลงใหญ่ขนาด 500-600 ไร่ที่ภูเก็ต เตรียมพัฒนาเป็นมิกซ์ยูส มีโรงเรียนอินเตอร์ เฮลธ์แคร์ รีเทลเอาต์เล็ต เอาท์ดอร์มอลล์  และที่อยู่อาศัย ปลั๊กอินเข้าไปเปิดให้บริการระดับโกลบอลโปรดักท์ ซึ่งอยู่ระหว่างวางแผน จะมีความชัดเจนปีหน้า

อนันดา ขยับตัวภายใต้แนวคิด “ANANDA BIG MOVE” ให้สอดคล้องกับตลาดที่กำลังฟื้นตัว

ปัจจุบันความต้องการของคนเมืองในยุคนี้ ทำเล อย่างเดียว ไม่ใช่ คำตอบสุดท้าย แต่ยังต้องมีการบริการเข้ามา ผสมผสานการบริการต่างๆ ที่มีมาตรฐานระดับ World class เช่นการร่วมมือ ดุสิตธานี ในการโครงการคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ภายใต้แบรนด์COCO PARC

หรือจับมือกับ SCRATCH FIRST (FROM THE CREATORS OF WONDERFRUIT) ร่วมกันพัฒนาแบรนด์ CULTURE ซึ่งเป็นแบรนด์ใหม่ของที่อยู่อาศัยแนวคิดใหม่ ให้ความสำคัญในเรื่องการอยู่อาศัยร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืนและการร่วมมือกับ Ascott แบรนด์ดังระดับโลกที่เข้ามาช่วยบริหารจัดการการอยู่อาศัยให้สะดวกสบายมากขึ้น

ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า สถานการณ์ทุกอย่างเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น เห็นได้จากตัวเลขที่มีการฟื้นตัวทั้งยอดขาย ยอดโอน และยอดเปิดตัวโครงการใหม่ อนันดา มีการฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้นจากการปรับตัวด้วยเช่นกัน ทั้งยอดขาย ยอดโอน ความสามารถในการทำกำไร

โดยทำยอดขายในไตรมาส 3 สูง ถึง 4,062 ล้านบาท มั่นใจว่าจะโตต่อเนื่องในไตรมาส 4 อีกกว่า 5,000-6,000 ล้านบาท ผลักดันยอดขายปีนี้เป็นไปตามเป้าหมาย 15,680 ล้านบาท
 

ไตรมาส 4 นี้ อนันดา เปิดตัวแบรนด์ใหม่ 3 แบรนด์ โคโค่ (COCO) คัลเจอร์ (CULTURE) และ อันดา (ANDA) แต่ละแบรนด์มีแนวคิดที่แตกต่างกัน ทำให้ตอบโจทย์ลูกค้าคนเมืองได้ดีที่สุด พร้อมเปิดตัว 6 โครงการใหม่ มูลค่า 21,627 ล้านบาท ได้แก่ 1.โคโค่ พาร์ค 2. คัลเจอร์ ทองหล่อ 3.คัลเจอร์ จุฬา 4.ไอดีโอ รามคำแหง-ลำสาลี สเตชั่น 5.อันดา ราชพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ และ 6.อาร์เทล อโศก-พระราม 9 เป็นการเปิดตัวโครงการใหม่ครั้งแรกรอบ 2-3 ปี

นอกจากนี้ เตรียมจัดงานใหญ่รอบ 5 ปี เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อไฮซีซันนี้ ได้แก่ “ANANDA URBAN PULSE 2022” ภายใต้แนวคิด “THE NEW CULTURE IS HERE” วันที่ 27-30 ต.ค. ที่สยามพารากอน ได้รวมโครงการคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า บ้าน และ ทาวน์โฮม และโครงการพร้อมเข้าอยู่ทั่วกรุงเทพฯ

ล่าสุดบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) รวมมูลค่า 12,074 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ไตรมาส 4 นี้ 6,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือทยอยรับรู้ถึงปี 2567 มีโครงการพร้อมขายและพร้อมโอนกรรมสิทธิ์รวมมูลค่า 41,095 ล้านบาท จาก 32 โครงการในมือ ด้านยอดขาย (Presale) ปี 2565 เชื่อว่ามีโอกาสทำได้สูงกว่าเป้าหมายวางไว้ที่ 15,680 ล้านบาท จาก 9 เดือนแรก มียอดขาย 10,259 ล้านบาท หรือกว่า 70% ของเป้าหมายทั้งปี

ชานนท์ กล่าวเสริมว่า กรณีคดีของโครงการแอชตัน อโศก เป็นการฟ้องร้องระหว่างผู้ฟ้องกับหน่วยงานของรัฐ โดยบริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด (การร่วมค้า) ซึ่งเป็นบริษัทการร่วมค้าระหว่าง ANAN และมิตซุย ฟูโดซัง ไม่ได้เป็นผู้ถูกฟ้อง โดยการร่วมค้ามีฐานะเป็น “ผู้ร้องสอด” ในคดีนี้

โดยเมื่อวันที่ 20 ก.ย.2565 ศาลปกครองสูงสุดได้พิจารณาคดีโครงการแอชตัน อโศก ครั้งแรก ตุลาการผู้แถลงคดีมีความเห็นว่า การออกใบอนุญาตดำเนินการโดยชอบ เห็นควรกลับคำพิพากษาศาลปกครองกลาง (ศาลชั้นต้น) ให้ยกฟ้องจำเลยทุกคดี

อย่างไรก็ตาม ความเห็นของตุลาการผู้แถลงคดีเป็นความเห็นโดยอิสระ ต้องรอคำพิพากษาจากตุลาการที่เป็นเจ้าของสำนวนคดีแถลงอีกครั้ง ภายใน 1-2 เดือน (นับจากวันที่ 20 ก.ย.2565) อย่างไรก็ตาม จากคำพิพากษาของตุลาการครั้งล่าสุดบริษัทมองว่าเป็นแนวโน้มที่ดี