อภิปรายไม่ไว้วางใจ ปมกัญชา "อนุทิน"สวนร่างพรบ.ก้าวไกล อนุญาตใช้สันทนาการ
“อนุทิน”โต้ฝ่ายค้านปมกัญชา สนับสนุนใช้ทางการแพทย์เท่านั้น ไม่ส่งเสริมใช้บันเทิง ไม่ขัดข้อตกลงระหว่างประเทศ ไม่มีช่องโหว่ทางปฏิบัติ มีกประกาศสธ.ครอบคลุม มั่นใจควบคุมการใช้ผิดวิธีได้ อัดร่างพรบ.ฉบับก้าวไกลไฟเขียวให้ใช้สันทนาการได้
เมื่อเวลา 14.40 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวชี้แจงการอภิปรายไม่ไว้วางใจกรณีนโยบายกัญชาเสรีว่า นโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์ เป็นนโยบายรัฐบาลหมวดเร่งด่วน โดยไม่ขัดอนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติด คศ.1961 ที่อนุญาตให้นำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ ให้นำมาศึกษาวิจัยและก่อให้เกิดประโยชน์ทางแศรษฐกิจ โดยเน้นประโยน์ทางการแพทย์ สุขภาพและผลิตภัณฑ์เกี่ยวข้องสุขภาพ
ไม่มีเรื่องของการนำไปใช้ในเรื่องบันเทิง นันทนาการหรือสันทนาการแม้แต่นิดเดียวในนโยบายรัฐบาลและสธ.ไม่ได้ปฏิบัติมาตรการใดๆเลยนอกเหนือนโยบายรัฐบาลที่ได้ให้สัญญาไว้กับประชาชน เน้นในการนำกัญชา กัญชงมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และสุขภาพ และเสริมสร้างการเติบโตทางเศรษบฐกิจเท่านั้น หากมีการใช้ในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ สุขภาพ ก็ถือเป็นการใช้ที่ไม่ถูกเจตนารมณ์และผิดกฎหมายตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ซึ่งผู้คนต้องเคารพกฎหมาย
ที่บอกว่าไม่มีข้อบังคับใช้ ไม่มีกฎเกณฑ์ แต่ทำไมถึงต้องมีการกำหนดว่าาต้องอนุญาต ถ้าทำเช่นนั้นเช่นนี้ผิดกฎหมาย ผิดหลักการ จะต้องมีการเปรียบเทียบปรับ มีโทษถึงจำคุก ถ้าความผิดรุนแรง มีสิ่งเหล่านี้ควบคุมอยู่หมดแล้ว ประกาสสธ.ได้ครอบคลุมทุกอย่างแล้ว คนใช้ทางที่ผิดอยู่ก็เสี่ยงผิดฎหมาย เจ้าหน้าที่บ้านเมืองสามารถดำเนินคดีได้
"ที่ว่ามีช่องว่างช่องโหว่ ในทางปฏิบัติไม่มี ส่วนร่างพรบ.กัญชงกัญชาก็อยู่ในขั้นพิจารณาของคณะกรรมาธิการแล้ว เชื่อว่าน่าจะเป็นโอกาสที่ดี ของประเทศไทยจะมีพรบ.ควบคุมกัญชงกัญชาออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นกฎหมายที่ดีมากๆ”นายอนุทินกล่าว
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า การดำเนินนโยบายกัญชาทางการแพทย์ สามารถผลักดันยากัญชาบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติ 8 รายการ และกรมการแพทย์แผนไทยได้ประกาศตำรับยากัญชา 16 ตำรับและสามารถนำมาใช้เพื่อการรักษาหรือศึกษาวิจัยได้ มีประสิทธิผล มีความปลอดภัย รักษาผู้ป่วยครอบคลุมค่าใช้จ่ายในหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ทำให้ ลดการนำเข้ายาเคมี ลดยานอนหลับได้ และการรักษาผู้ป่วยด้วยน้ำมันกัญชา ไม่ต้องรับสารเคมีอื่นๆเพิ่มเติม และยาที่นำมาใช้ต้องผ่านการอนุญาต ยืนยันทุกครั้งว่านี่คือนโยบายของรัฐบาลไม่มีการสนับสนุให้มีการใช้ในประเภทสันทนาการ นันทนาการหรือการใช้ผิดประเภท
“ร่างพรบ.ที่รัฐบาลนำเสนอไม่มีเรื่องการใช้เพื่อนันทนาการ แต่ร่างพรบ.ที่พรรคก้าวไกลนำเสนอนั้น มีเรื่องอนุญาตให้ใช้ในเรื่องสันทนาการ นันทนาการ แต่ให้ใช้โดยจัดโซนนิ่งหรืออะไรก็แล้ว ก็พิสูจนให้เห็นชัดเจนแล้ว ส่วนผมที่ควบคุมนโยบายไม่เคยสนับสนุนให้ใช้บันเทิงแต่อย่างใดและการนำไปใช้ทางที่ผิด ไม่มีวันได้เกิดในรัฐบาลชุดนี้ และไม่มีรัฐบาลชุดไหนไปทำแน่”นายอนุทินกล่าว
นายอนุทิน กล่าอีกว่า แม้พืชกัญชาจะไม่เป็นยาเสพติดก็ต้องใช้อย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะส่วนที่เยาวชนเข้าถึงหรือการสันทนาการหรือใช้ประกอบการในร้านทั่วไป มั่นใจว่าในร่างพรบ.จะครอบคลุมสามารถควบคุมกิจกรรมเหล่านี้ได้ ระหว่างนี้ก็มีกลไกควบคุมการใช้พืชกัญชงกัญชา เช่น การเข้าถึงของเยาวชนหรือกลุ่มเปราะบาง ใช้ผิดวัตถุประสงค์ก่อให้เกิดกลิ่นและควันกัญชา และควบคุมการใช้ปรุงอาหารสำเร็จที่มีการนำใบกัญชามาใช้ปรุงอาหารในสถานประกอบการอาหาร ซึ่งจะใช้ช่อดอกในอาหารไม่ได้ เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย
รมว.สธ. กล่าวด้วยว่า ส่วนที่ว่าขอให้นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีกนั้น มั่นใจว่า สิ่งที่ดำเนินการสามารถควบคุมการใช้กัญชาอย่างไม่ถูกวิธีได้ เมื่อประกาศว่าไม่ใช่ยาเสพติด ก็ต้องไม่มองว่าเป็นยาเสพติด ก็ต้องมองว่าเป็นพืชมี่คุณประโยชน์ สร้างรายได้ ถ้าหยุดทุกอย่าง ไม่มีกัญชาเป็นยารักษาโรค คนปกติไม่เดือดร้อน แต่ถ้าเป็นคนไข้ใช้ยากัญชารักษาเช่น คนไข้ระยะสุดท้าย ที่ช่วยให้รับประทานได้ สามารถใช้ชีวิตให้มีความสุข ไม่ทนทุกข์ทรมาณจากอาการเจ็บ ป่วย ก็ต้องมาควบคุมให้ได้มากที่สุด และไม่ให้มีการใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง
“กฎหมายมีแล้ว การบังคับใช้มีแล้ว เจ้าหน้าที่บ้านเมืองมีแล้ว พร้อมดำเนินคดีกับคนไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งเรื่องกัญชา ประเทศไทยไม่จำเป็นต้องไปปฏิบัติตามประเทศอื่น เพราะเราไม่ได้ผิดข้อตกลง ข้อผูกพันใดระหว่างประเทศ”นายอนุทินกล่าว
จากนั้นนพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ผู้อภิปรายได้ทวงถามประเด็นเรื่องรมว.สธ.มีอำนาจขยายเวลาประกาศกัญชาไม่เป็นยาเสพติดออกไปได้เพื่อรอพรบ.บังคับใช้ก่อน แต่ไม่ได้ดำเนินการ นายอนุทิน ตอบว่า ไม่สามารถทำเช่นนั้น เพียงเพื่อความห่วงใยในสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ ซึ่งในการที่จะใช้ประกาศของกระทรวงสาธารณสุขปลอดล็อกกัญชาจากยาเสพติดนั้น เป็นประกาศที่รมว.สธ.ประกาศตามคำแนะนำของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(บอร์ดป.ป.ส.)ไม่สามารถใช้ประกาศสธ.เรื่องนี้ได้ด้วยตัวเอง อำนาจต้องเป็นคำแนะนำหรือมติบอร์ดป.ป.ส. ซึ่งได้มีมติเป็นที่เรียบร้อบแล้วตั้งแต่ก.พ.2565 และได้ขอให้ประกาศนี้มีผลบังคับใช้หลังประกาศราชกิจจานุเบกษา แล้ว 120 วัน ก็ตรงกับวันที่ 9 มิ.ย.2565
“ไม่เลื่อนเพราะกระบวนการทุกอย่างได้ทำตามสมควรแก่เหตุแล้ว มีการยื่นร่างกฎหมายเข้ามาสู่สภาแล้ว ได้รับการเห็นชอบด้วยหลักการแล้ว คณะกรรมาธิการเร่งประชุม ให้กฎหมายออกมาโดยเร็ว ช่วงนี้ก็ใช้ประกาศสธ.กำกับดูแลผู้ใช้ผิดประเภทครบถ้วนแล้ว”นายอนุทินกล่าว