'ความสุข' และ 'ความไม่ประมาท'
มาดูกันว่า 13 สิ่งที่ไม่ควรทำ เมื่อไม่อยากแก่แบบเป็นภาระมีอะไรบ้าง และเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุแนวคิดจะเปลี่ยนไปหรือไม่ อย่างไร
สังคมไทยและสังคมโลกจะมีสัดส่วนของผู้สูงอายุมากขึ้นจนเป็นภาระอย่างสำคัญในอนาคตแก่ผู้อยู่ในวัย 15-64 ปี
ในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นจีน เยอรมันนี สวีเดน ฟินแลนด์ อิตาลี โปร์ตุเกส อังกฤษ ฝรั่งเศส ฯลฯ ความคิดเห็นและปัญญาที่ตกผลึกของผู้สูงอายุฝากไว้แก่แผ่นดินตามที่ผมเก็บสะสมมาจากอินเตอร์เน็ตและปรับปรุงแก้ไขจึงน่านำมาสื่อสารต่อเพื่อประโยชน์แก่ผู้สูงอายุด้วยกันเอง และคนที่จะแก่ต่อไปในวันข้างหน้า
ชิ้นแรกไม่ปรากฏชื่อผู้เขียน จั่วหัวว่าเมื่อถามเพื่อนที่เข้าสู่วัยสูงอายุชีวิตเขามีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างเขาตอบว่า (1) เมื่อก่อนผมรักพ่อแม่พี่น้องเพื่อนฝูง แต่เดี๋ยวนี้ผมเริ่มรักตัวเองมากขึ้น (2) ผมไม่ต่อราคากับพ่อค้าแม่ค้าที่ขายผักขายผลไม้ การจ่ายเงินเพิ่มอีกเล็กน้อยไม่มีผลกระทบกับผม แต่อาจสามารถช่วยให้พวกเขามีเงินเก็บสำหรับค่าเล่าเรียนของลูกๆ เขา
(3) เวลาจ่ายค่าแท็กซี่ผมจะไม่รอให้โชเฟอร์หาเศษเงินทอน ให้ทิปเขาเล็กน้อยอาจจะได้รับรอยยิ้มตอบแทนเพราะยังไงเขาก็หาเลี้ยงชีพลำบากกว่าผม (4) ผมจะไม่พูดกับผู้สูงอายุอีกว่า “นิทานเรื่องนี้ท่านเล่าหลายครั้งแล้ว” เพราะนิทานเหล่านี้ช่วยเพิ่มความทรงจำและการรำลึกอดีตของพวกท่าน (5) ผมจะไม่แก้ไขคนอื่นอีกต่อไปแม้ว่าเขาเหล่านั้นจะผิดเพราะการทำให้ทุกคนสมบูรณ์แบบไม่ใช่ความรับผิดชอบของผม (6) ผมจะมองในแง่บวกและชื่นชมมากกว่าตำหนิ เพราะนั่นไม่เพียงแต่ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งอารมณ์ดี แต่ก็เป็นประโยชน์กับตัวเราเองอีกด้วย
(7) ผมจะไม่กังวลกับจุดเปื้อนบนเสื้อหรือข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ของคนอื่น เพราะจิตใจสำคัญกว่ารูปลักษณ์ภายนอก (8) ผมจะอยู่ห่างๆ คนที่ดูถูกผมเพราะพวกเขาไม่เข้าใจคุณค่าในตัวผมแล้วยังทำให้จิตใจขุ่นมัวเปล่าๆ (9) ผมจะไม่ยึดถือความคิดเห็นของตัวเองจนทำลายมิตรภาพ ท้ายที่สุดการมีความสุขอยู่คนเดียวก็ไม่สู้มีความสุขกันทั่วหน้า
(10) ผมถือว่าทุกวันเป็นวันสุดท้ายของชีวิตเพราะท้ายที่สุดวันสุดท้ายของชีวิตจะมาถึงสักวันหนึ่ง นี่คือผมกำลังทำในสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุข ย้อนมองเส้นทางแห่งชีวิตบางคนยังไม่ทันได้เกษียณพระผู้เป็นเจ้าก็มารับไปแล้วบางคนเพิ่งจะเกษียณไม่นานก็ต้องไปนอนบนเตียงของโรงพยาบาล พวกเราโชคดีมากที่ยังคงสัญจรไปมาอย่างร่าเริง ต้องขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้
ชิ้นที่ 2 มีชื่อว่า“ความแก่ของฉันไม่ใช่ภาระ”ดังนั้นอย่าหยุดทำ13ข้อนี้ (จาก Postread) (1) อย่าหยุดทำงานเพราะชีวิตเราจะค่อยๆ ดูไร้ค่าไปทีละน้อย ปลูกผักที่บ้านก็เป็นการทำงาน (2) อย่าหยุดออมไม่ว่าจะออมด้วยวิธีใด ต้องรู้จักออมทั้งซื้อพันธบัตรรัฐบาล ซื้อหุ้น ฝากธนาคาร ออมผ่านบริษัทประกันชีวิตหรือจะซื้อทอง ซื้อที่ดินก็จงรีบออมตั้งแต่เนิ่นๆ อย่ารอพึ่งคนอื่นเพราะเขาก็มีภาระเหมือนกัน
(3) อย่าหยุดดูแลตัวเอง จงหล่อและสวยตามวัย ใส่ใจตัวเองเสมอ อย่าได้ปล่อยตัวเองโทรมจนกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำบ้านเด็ดขาด (4) อย่าหยุดฉลาด จงอย่าหยุดอ่านเขียน เรียนรู้ พยายามหาความรู้ใหม่ๆทุกวันเพราะความรู้ทำให้องอาจ (5) อย่าหยุดหาเงินพยายามให้มีประตูมากกว่าหนึ่งบาน ให้เงินไหลเข้ามาเพราะถ้าบานหนึ่งปิดก็ยังมีบานอื่นเปิดอยู่ นอกจากนั้นชีวิตที่สามารถพึ่งตนเองได้จะทำให้รู้สึกว่าตนเองมีค่ามากยิ่งขึ้น
(6) อย่าหยุดท่องโลกกว้าง นอกจากความสุขที่ได้บินออกไปนอกรังสู่โลกกว้างแล้วความรู้ใหม่ๆ จากการได้พบเห็น เสมือนหนึ่งเป็นการเติมไฟให้กับชีวิตและใจเราเอง (7) อย่าหยุดคบเพื่อน โดยเฉพาะเพื่อนเก่าที่ดีๆ จงพยายามหาเวลาไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนๆ ได้พูดคุยรำลึกความหลังอย่างมีความสุขกัน เพราะจะทำให้เราไม่พลาดความประทับใจกับความสุขบางเรื่องไป
(8) อย่าหยุดหาของอร่อยกิน การหาของอร่อยกินไม่จำเป็นต้องอ้วนเสมอไป เพราะเรารู้จักเสพอย่างมีความสุขตราบใดที่ลิ้นยังรับรสได้อยู่ (9) อย่าหยุดออกกำลังกายเพราะจิตใจที่ดีอยู่ในร่างกายที่แข็งแรง เราจะได้มีชีวิตอยู่เป็นผู้สูงวัยที่แข็งแรงและไม่เป็นภาระกับลูกหลาน (10) อย่าหยุดรักตัวเองเพราะถ้าเราไม่รักตัวเองก่อนแล้วจะให้ใครมารัก พอเรารักตัวเอง เราก็จะใส่ใจตัวเองในทุกเรื่อง และผลของการใส่ใจตัวเองก็จะทำให้เราดูดีในทุกเวลา ทุกอิริยาบถ (11) อย่าหยุดกตัญญู คนที่สำเร็จในชีวิตมักเป็นคนกตัญญู รู้คุณคนและคนกตัญญูรู้คุณคนมักจะประสบความสำเร็จ
(12) อย่าหยุดทำบุญสร้างกุศล หยุดทำความดีให้คนอื่นเพราะจะทำให้จิตใจเราผ่องแผ้ว เบิกบาน และส่งผลให้เรามีความสุขมาจากข้างใน อันเป็นความสุขที่แท้จริงของชีวิต (13) อย่าหยุดทำสิ่งที่ชอบเพราะไม่รู้ว่าจะได้ทำอีกนานเท่าใด เมื่อมีโอกาสทำได้ก็ให้รีบทำเสีย
อ่านทั้งหมดนี้แล้ว ทำให้นึกถึงพระปัจฉิมวาจาก่อนที่พระพุทธองค์ดับขันธ์ปรินิพพานที่ว่า “สังขารทั้งหลายย่อมเสื่อมไปเป็นธรรมดา ขอท่านทั้งหลายจงถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด”