ไทยเตรียมสรุปท่าทีต่อเขื่อนหลวงพระบางหลังจัดเวทีรับฟังฯ ครบแล้ว
สทนช. เร่งติดตามและร่วมจัดทำแผนปฏิบัติการร่วม (Joint Action Plan) ของโครงการร่วมกับ 4 ประเทศ เพื่อให้การพัฒนาเขื่อนหลวงพระบางเกิดผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำให้น้อยที่สุด
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) จัดเวทีให้ข้อมูล โครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ตามระเบียบปฏิบัติของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง เรื่อง การแจ้ง การปรึกษาหารือล่วงหน้าและข้อตกลง ครั้งที่ 3 (Procedures for Notification, Prior Consultation and Agreement, PNPCA) ณ ศาลาประชาคม อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย วันนี้
โดยมี นายประดับ กลัดเข็มเพชร รองเลขาธิการ สทนช. เป็นประธานพิธีเปิด และนายปัญญา วงศ์ศรีแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย กล่าวให้การต้อนรับ โดยมี ดร.จันสะแหวง บุนยง อธิบดีกรมนโยบายและแผนพลังงาน สปป.ลาว ร่วมให้ข้อมูลโครงการฯ พร้อมด้วยผู้แทนจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจากส่วนกลางและพื้นที่ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภาคประชาชนในพื้นที่จังหวัดเลย และจังหวัดเชียงราย ได้แก่ คณะกรรมการเครือข่ายภาคประชาสังคมลุ่มน้ำโขง กลุ่มผู้ใช้น้ำ ด้านเกษตรกรรม และด้านประมง ตลอดจนสถาบันการศึกษา
นายประดับ ได้กล่าวว่า โครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนหลวงพระบาง นับเป็นโครงการลำดับที่ 5 ที่ สปป.ลาว มีแผนจะก่อสร้างบนแม่น้ำโขงสายประธาน ต่อจากโครงการไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี โครงการไฟฟ้าพลังน้ำดอนสะโฮง โครงการไฟฟ้าพลังน้ำปากแบง และโครงการไฟฟ้าพลังน้ำปากลาย
ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าว เป็นประเด็นที่ภาคประชาชนและประชาสังคมให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะจังหวัดที่มีพื้นที่ติดแม่น้ำโขงของไทยทั้ง 8 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี อำนาจเจริญ เลย และเชียงราย
ซึ่งประเทศไทยเป็น 1 ใน 4 ประเทศ สมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission: MRC) ที่อยู่ในลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง คือ ราชอาณาจักรกัมพูชา สปป.ลาว ราชอาณาจักรไทย และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
ทั้งนี้ รัฐบาล 4 ประเทศ ได้ลงนามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน พ.ศ. 2538 โดยมีข้อตกลงที่จะใช้น้ำของระบบลุ่มน้ำโขงอย่างสมเหตุสมผลและเป็นธรรม หากมีการนำน้ำจากแม่น้ำโขงมาใช้ภายในลุ่มน้ำหรือผันน้ำข้ามลุ่มน้ำ จะต้องดำเนินการตามระเบียบปฏิบัติ เรื่อง การแจ้ง การปรึกษาหารือล่วงหน้า และข้อตกลง (Procedures for Notification, Prior Consultation and Agreement, หรือ PNPCA) ซึ่งเป็นกระบวนการที่กรอบระยะเวลาดำเนินการ 6 เดือน
ดังนั้น สทนช. ในฐานะสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย (Thai National Mekong Committee: TNMC) ทำหน้าที่เป็นหน่วยประสานงานภายใต้กรอบความร่วมมือ MRC ได้กำหนดจัดเวทีให้ข้อมูลโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนหลวงพระบาง สปป. ลาว ภายในประเทศ จำนวน 3 ครั้ง ครอบคลุมพื้นที่ 8 จังหวัดริมแม่น้ำโขง
โดยครั้งแรกจัดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2562 ที่จังหวัดนครพนม มีผู้เข้าร่วมประกอบด้วย ผู้แทนภาคประชาชนพื้นที่ริมแม่น้ำโขงจากจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ และนครพนม ผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจากส่วนกลางและในพื้นที่ ผู้แทนจากสถาบันการศึกษา และภาคประชาสังคม รวม 175 คน
และครั้งที่ 2 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2563 ที่จังหวัดอำนาจเจริญ ผู้เข้าร่วมประกอบด้วย ผู้แทนภาคประชาชนพื้นที่ริมแม่น้ำโขงจากจังหวัดมุกดาหาร อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ ผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจากส่วนกลางและในพื้นที่ ผู้แทนจากสถาบันการศึกษา และภาคประชาสังคม รวม 155 คน
และครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่จังหวัดเลย โดยเชิญผู้เข้าร่วมประกอบด้วย ผู้แทนภาคประชาชนพื้นที่ริมแม่น้ำโขงจากจังหวัดเลยและเชียงราย กลุ่มผู้ใช้น้ำแม่น้ำโขงเพื่อการเกษตรและประมง ผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจากส่วนกลางและในพื้นที่ และภาคประชาสังคม รวมกว่า 80 คน
โดยหลังจากนี้ สทนช. จะเร่งสรุปประเด็นข้อห่วงกังวลต่อผลกระทบสะสมและข้ามพรมแดนของโครงการฯ ต่อพื้นที่ท้ายน้ำของคนในท้องถิ่น อาทิ ปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม รวมถึงผลกระทบระบบนิเวศลำน้ำโขง ที่อาจเกิดขึ้นจากการพัฒนาโครงการ นำไปสู่การกำหนดเป็นท่าทีของประเทศไทย เพื่อเสนอต่อ สปป.ลาว พิจารณา ผ่านสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ตามลำดับ
นอกจากนี้ สทนช. จะได้ติดตามและร่วมจัดทำแผนปฏิบัติการร่วม (Joint Action Plan) ของโครงการร่วมกับ 4 ประเทศ เพื่อให้การพัฒนาเขื่อนหลวงพระบางเกิดผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำให้น้อยที่สุด อันก่อให้เกิดความร่วมมือในการกำหนดมาตรการที่เหมาะสมรองรับการพัฒนาโครงการฯ ต่อไป
สำหรับการจัดเวทีให้ข้อมูลตามกลไก PNPCA มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบข้อมูลของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนหลวงพระบาง และได้แสดงความคิดเห็นต่อข้อห่วงกังวลต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ส่งผ่านไปยัง สปป.ลาว ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ รวมทั้งหน่วยงานในพื้นที่จะได้รับทราบข้อมูลองค์ประกอบและการพัฒนาโครงการ รวมถึงเสนอความคิดเห็นต่อข้อกังวลที่อาจเกิดขึ้น
ซึ่งการเปิดเวทีวันนี้ มีการให้ข้อมูลโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนหลวงพระบาง ของ สปป.ลาว โดยสาระสำคัญจะเน้นชี้แจงความเป็นมาและข้อมูลของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนหลวงพระบาง ระเบียบปฏิบัติ PNPCA สรุปประเด็นข้อคิดเห็นต่อรายงานทบทวนทางด้านเทคนิคของโครงการฯ รวมทั้งรายงานผลการจัดเวทีให้ข้อมูลทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา ตลอดจนรับฟังข้อห่วงกังวลต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากทุกภาคส่วน และส่งให้ สปป.ลาวได้รับทราบผ่านกลไก PNPCA
อย่างไรก็ตาม กระบวนการ PNPCA ถูกตั้งคำถามจากภาคประขาสังคมเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่สามารถนำไปสู่ฉันทามติได้ เป็นเพียงเทคนิคการรับฟังข้อกังวลไปประกอบการดำเนินโครงการให้รัดกุมขึ้นเท่านั้น