ยกระดับครู ช่วยเด็กนอกระบบกว่า 3.5 หมื่นคนทั่วประเทศ

ยกระดับครู ช่วยเด็กนอกระบบกว่า 3.5 หมื่นคนทั่วประเทศ

กสศ.จับมือ 66 เครือข่ายทั่วประเทศ ยกระดับการช่วยเหลือเด็กนอกระบบกว่า 35,000 คนทั่วประเทศ ให้ได้รับการศึกษา พัฒนาทักษะอาชีพตามความต้องการและศักยภาพของเด็ก ดูแลคุณภาพชีวิตครูนอกระบบอีก 3,700 คน พร้อมสร้างระบบป้องกันเด็กหลุดจากการศึกษา

วันนี้ (19 ..2563) กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา(กสศ.) จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อชี้แจงแนวคิดและแนวทางการขับเคลื่อนแผนงานพัฒนาครูและเด็กนอกระบบการศึกษาปีงบประมาณ 2563 โดยมีกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ภาคีเครือข่ายเข้าร่วมรับฟังและแลกเปลี่ยนจำนวน 66 เครือข่ายทั่วประเทศ

นายสุภกร บัวสาย ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา(กสศ.) กล่าวว่า กสศ.ได้สนับสนุนโครงการพัฒนาครูและเด็กนอกระบบการศึกษา ให้แก่ 66 องค์กรภาคีเครือข่ายทั่วประเทศ ครอบคลุมพื้นที่74จังหวัด พัฒนากลุ่มเป้าหมายเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาที่ฐานะยากจนขาดแคลนทุนทรัพย์ เข้าไม่ถึงการศึกษา ตั้งแต่อายุ2-25 ปี กว่า35,000 คน

160051583388

โดยกสศ.สนับสนุนค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาทั้งแบบในห้องเรียนและนอกห้องเรียน หรือการพัฒนาทักษะอาชีพตามความต้องการและศักยภาพของเด็ก โดยมีองค์กรหรือภาคีเครือข่ายเป็นครูพี่เลี้ยงซึ่งกสศ.สนับสนุนการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายครูนอกระบบกว่า3,700คนอีกด้วย

ครูพี่เลี้ยง จะเป็นเหมือนฟันเฟืองในการทำงาน ประสานส่งต่อเด็กนอกระบบให้กับกสศ.เพื่อจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน แบ่งประเภทและจัดทำรูปแบบการศึกษา ตามความเหมาะสม และกสศ.จะติดตามและประเมินผลต่อไปเพื่อไม่ให้เด็กหลุดออกนอกระบบซ้ำอีกนายสุภกร กล่าว

160051586224

ดร.กฤษณพงศ์  กีรติกร ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหารกสศ. และประธานอนุกรรมการกำกับทิศทางโครงการฯ กล่าวว่า การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำไม่ใช่แค่ทำงานกับเด็กและครู แต่ต้องมีผู้ปกครอง ชุมชนในระดับหมู่บ้าน และโครงการนี้จะสนับสนุนให้เกิดกลไกการทำงาน การวิเคราะห์เด็กนอกระบบแบบเจาะลึกในทุกมิติ ทั้งด้านเพศ อายุ ภูมิหลังของครอบครัว สภาพแวดล้อม และชุมชน การดำเนินงานในช่วงแรกจะเน้นแก้ปัญหาให้ได้ พร้อมคำนึงถึงการป้องกันปัญหาควบคู่กันไป และสร้างการป้องกันเด็กที่จะหลุดจากระบบการศึกษา เพราะเรารู้ว่าเด็กคนไหนมีความเสี่ยงสูง

เราสนับสนุนให้เกิดการเฝ้าระวังที่มีการประสานระหว่างผู้ปกครอง ครู และโรงเรียน หากเกิดกลไกลักษณะนี้ จะทำให้เรื่องนี้ง่ายและไม่ซับซ้อนเท่าการปล่อยให้เด็กหลุดออกจากระบบการศึกษาแล้วไม่สามารถดึงกลับเข้ามาได้อีกดร.กฤษณพงศ์ กล่าว

.ดร.สมพงษ์  จิตระดับ ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหาร กสศ.และรองประธานอนุกรรมการกำกับทิศทางโครงการพัฒนาครูฯ กล่าวว่า การปฏิรูปการศึกษาของไทยถูกเลี้ยงไข้มากว่า20 กว่าปี ส่งผลให้ปัญหาความเหลื่อมล้ำของไทยสูงเป็นอันดับ 1 ของประเทศ มีเด็กยากจนด้อยโอกาสมากกว่า 3.7 ล้านคน ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

160051590874

ครูที่อยู่นอกระบบไม่มีสวัสดิการ ไม่มีความมั่นคงในวิชาชีพ ไม่มีอนาคต ไม่ได้รับการยอมรับ จนอยู่ในสภาพซึมเศร้าในวิชาชีพ โครงการนี้จึงเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตครูนอกระบบให้ดีขึ้น มีสวัสดิการ มีความมั่นคง ทั้งนี้การขับเคลื่อนเชิงระบบต้องค่อยๆทำ ซึ่งการสนับสนุนงบประมาณครั้งนี้จะช่วยคลี่คลายปัญหาด้านการศึกษาเด็กนอกระบบของประเทศได้

โดยการให้ครูนอกระบบบอกเราว่า เครื่องมือที่ใช้คืออะไร ลงพื้นที่ยังไง แล้วเราจะทำงานตรงนี้ให้เป็นชุดนวัตกรรมชุดความรู้ แล้วให้เครดิตกับครูทุกคน ไม่เช่นนั้นวิธีการดีๆ ที่คิดค้นขึ้นมาจะหายไป หรืออยู่กับที่ ไม่ได้ถูกยกขึ้นมาทำให้เป็นความรู้ และเป็นตัวปรับเปลี่ยนนโยบายได้ ต่อไปนี้ กสศ.จะทำให้เป็นระบบทั้งเรื่องชุดความรู้ เพื่อขับเคลื่อนไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นได้

กสศ.จะเป็นเจ้าภาพตรงนี้ มีกองทุน มีเด็กนอกระบบ ครูนอกระบบกลุ่มนี้เป็นเป้าหมาย และภารกิจที่ กสศ.ต้องทำ การมีเจ้าภาพที่มีตัวตนชัดเจนเข้ามาทำงานเพื่อเด็กนอกระบบ เด็กยากจนพิเศษ และครู จะทำให้เกิดการปฏิรูปการศึกษาที่ยั่งยืน

..เนตรดาว ยั่งยุบล ผู้ประสานงานเครือข่ายการทำงานเด็กนอกระบบการศึกษา41เครือข่าย กล่าวว่า การทำงานในแต่ละพื้นที่แตกต่างกัน เช่น พื้นที่ภาคเหนือจะเป็นกลุ่มเด็กพิเศษที่บกพร่องทางพัฒนาการ กลุ่มเด็กชาติพันธุ์ กลุ่มเด็กแรงงานข้ามชาติ เยาวชนที่หลุดออกนอกระบบการศึกษา รวมถึงกลุ่มเด็กเปราะบาง มีสัดส่วนอายุ 2-21ปี ส่วนกลุ่มหนาแน่นจะอยู่ในช่วงอายุ13-25 ปี

160051593830

โดยแต่ละจังหวัดจะมีอาสาสมัครประจำกลุ่มตามประเภทของเด็กที่มีปัญหา มีคณะทำงานคอยกลั่นกรอง รวมถึงกำหนดกิจกรรมช่วยเหลือเด็ก ซึ่งกลไกดังกล่าวจัดตั้งจากฐานของคนพื้นที่หรือที่เรียกว่าครูนอกระบบหรือครูพี่เลี้ยงที่เป็นกลไกสำคัญสำหรับหลักการทำงานเชิงพื้นที่ ต้องทำบนรากฐานประเด็นปัญหาเด็ก อาทิ สิทธิมนุษยชน ทักษะชีวิต ทักษะอาชีพ สร้างความมั่นคงให้กับชีวิต การสร้างพื้นที่เรียนรู้ด้วยตนเอง เน้นให้เด็กปรับตัวได้ นำไปสู่ความเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง อย่างไรก็ตามโครงการฯนี้ สามารถเข้าถึงการช่วยเหลือเด็กได้จริงทำให้สังคมตระหนักและเกิดการช่วยเหลือเด็กแต่ละกลุ่มได้ตรงจุด