“เมืองเดินได้” และ “เมืองกระชับ” ดับปัญหา PM 2.5
วางระบบใหม่ แก้วิกฤตฝุ่น “PM 2.5” อย่างยั่งยืน ด้วย “เมืองเดินได้” และ “เมืองกระชับ” จาก UddC
วนกลับมาอีกครั้งกับปัญหาเดิมๆ ที่คนเมืองต้องตื่นมาพบกับมวลฝุ่นละอองขนาดเล็ก “PM 2.5” ในระดับวิกฤต มีผลเสียต่อสุขภาพ หนึ่งในสาเหตุหลักที่คาราคาซังมาช้านานคงไม่พ้นเรื่องการใช้รถยนต์ จำนวนรถบนท้องถนนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สอดคล้องกับสิ่งที่ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UddC-CEUS) กำลังพยายามบอก
“ถ้าเอารถยนต์เอาจากถนนไม่ได้ เราจะไม่มีวันได้อากาศที่ดีคืนมา” UddC ชี้สาเหตุปัญหามลภาวะทางอากาศจาก "ฝุ่น PM 2.5" ว่าเกิดจากรถยนต์บนท้องถนน หากเมืองแก้ไขปัญหาจากการจราจรไม่สำเร็จ ก็ไม่มีทางแก้ไขปัญหามลภาวะอากาศจากฝุ่น "PM 2.5" ได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลสำคัญว่ากรุงเทพฯ มีปริมาณรถยนต์ล้นพื้นที่ถนน ต้นเหตุปล่อยมลภาวะเท่าตึกมหานคร 23 ตึกต่อปี ซึ่งมีอยู่ 2 ทางออกสำคัญ คือ สร้าง “เมืองเดินได้” ส่งเสริมผู้คนใช้การสัญจรด้วยการเดินเท้า-ปั่นจักรยาน เชื่อมต่อขนส่งมวลชนคุณภาพ และสร้าง “เมืองกระชับ” บ้านใกล้งาน งานใกล้บ้าน เพื่อแก้ไขมลภาวะอากาศยั่งยืน
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิรมล เสรีสกุล ผู้อำนวยการศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UddC-CEUS) กล่าวว่า ปัญหามลภาวะทางอากาศจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก "PM 2.5" ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีสาเหตุสำคัญจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ของรถยนต์บนท้องถนน ทั้งนี้ กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีปริมาณรถยนต์มหาศาลสวนทางกับสัดส่วนพื้นที่ถนน ก่อให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดและยิ่งเป็นสาเหตุของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และมลภาวะทางอากาศที่เกิดขึ้นซ้ำเป็นประจำทุกปี โดนเฉพาะช่วงปลายปีถึงต้นปี
“ข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก ระบุว่า ตัวเลขรถยนต์จดทะเบียนในกรุงเทพฯ มีสูงถึง 11 ล้านคันและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นถึงปีละกว่า 300,000 คัน หรือร้อยละ 17 ซึ่งสูงกว่าทุกเมืองในโลก ขณะที่ข้อมูลของ UddC-CEUS ยังชี้ว่า สัดส่วนรถยนต์ในกรุงเทพฯ ไม่สอดคล้องกับพื้นที่ถนน ที่มีเพียงร้อยละ 7 ขณะที่เมืองที่ดีควรมีพื้นที่ถนนร้อยละ 25-30 ของพื้นที่ทั้งหมด ประกอบกับ เป็นเมืองที่ผู้คนต้องพึ่งพารถยนต์ตลอดเวลา จึงทำให้กรุงเทพฯ มีสภาพการจราจรติดขัด
ทั้งนี้ ยิ่งรถติดยิ่งปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็น 2 เท่า ข้อมูลชี้ว่าเมื่อรถติดจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ 400 กรัม ต่อ 1 กิโลเมตร ขณะที่ผลสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทยบอกว่า รถยนต์ในกรุงเทพฯ ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากเท่ากับตึกมหานคร 23,000 ตึกต่อปี ซึ่งเป็นปัญหาของเมืองที่น่ากังวลและต้องเร่งหาทางออกอย่างเร่งด่วน” ผู้อำนวยการ UddC-CEUS ชี้สาเหตุ
อย่างไรก็ตาม การศึกษาของโครงการเมืองเดินได้-เมืองเดินดี (Goodwalk) โดย UddC-CEUS ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พบว่า คนกรุงเทพฯ ยินดีเดินเท้าในระยะ 800 เมตร ซึ่งเทียบเท่าผู้คนในเมืองพัฒนาแล้ว อาทิ ฮ่องกง โตเกียว นิวยอร์ก ฯลฯ จึงควรสนับสนุนให้เกิดการฟื้นฟูเมืองเพื่อส่งเสริมให้ผู้คนหันมาเลือกวิธีการสัญจรด้วยการเดินเท้าและปั่นจักรยาน พร้อมกับพัฒนาระบบขนส่งมวลชนคุณภาพ อันเป็นแนวทางสำคัญในการแก้ไขปัญหามลภาวะทางอากาศและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
“UddC-CEUS มีข้อเสนอแนวทางแก้ไขมลภาวะทางอากาศ 2 ประการ ข้อแรก ส่งเสริมให้คนลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลเดินทาง นั่นแปลว่าต้องส่งเสริมระบบขนส่งมวลชนที่มีคุณภาพ รวมทั้งส่งเสริมการเดินทางที่ไม่ใช้รถยนต์ (non-motorized transportation) อย่างการเดินเท้าและการปั่นจักรยาน ข้อสอง เมืองต้องลดการเดินทางของผู้คน ต้องเป็นเมืองกระชับ (compact city) ที่บ้านและงานอยู่ไม่ไกลกัน ภายในย่านมีทั้งที่อยู่อาศัย แหล่งงาน แหล่งพักผ่อนหย่อนใจ แหล่งจับจ่ายใช้สอย เพื่อเอื้อให้ผู้คนใช้ชีวิตในย่านนั้นๆ ได้โดยไม่ต้องเดินทางไกล หรือถ้าต้องการเดินข้ามย่าน ก็ใช้ระบบขนส่งมวลชนคุณภาพ ปัญหามลภาวะทางอากาศถือเป็น wake up call ที่ทำให้ทุกฝ่ายตื่นตัว และยอมรับว่าปัญหาเมืองเป็นเรื่องของทุกคน” ผศ.ดร.นิรมล กล่าว