ตลาดอีกแล้ว! 'โควิด-19'คลัสเตอร์ใหม่ในกทม.

     เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 29 มี.ค.2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย สรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศบค.) แถลงสถานการณ์โควิด-19ว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 39 ราย แบ่งเป็นพบจากระบบเฝ้าระวังและบริการ 16 ราย ในจ. กรุงเทพมหานคร(กทม.) 9 ราย สมุทรสาคร 5 ราย กาฬสินธุ์ 1 ราย มหาสารคาม 1 ราย  จากการคัดกรองเชิงรุก 12 ราย พบในจ. กทม. 6 ราย สมุทรสาคร 5 ราย ราชบุรี 1 ราย และผู้เดินทางจากต่างประเทศ 11 ราย ผู้ป่วยสะสม 28,773ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 94 ราย อาหารนกั 12 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 6 ราย เฉพาะระบาดรอบใหม่ผู้ติดเชื้อสะสม 24,536 ราย เสียชีวิตสะสม 34 ราย

กาฬสินธุ์ไข่แตก

จ.กาฬสินธุ์มีรายงานผผู้ติดเชื้อเป็น 0 มาตลอด  ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อใหม่ 1 ราย  เกิดจากติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนในพื้นที่อื่นและมีการเดินทางข้ามพื้นที่เป็นสะเก็ดไฟ โดยเป็นหญิง สัญชาติไทยอายุ 35 ปี อาชีพพนักงานขายในห้างสรรพสินค้า มีประวัติเดินทางเข้ามาในกทม.เพื่อเยี่ยมเพื่อน ซึ่งประกอบอาชีพค้าขายในพื้นที่เขตบางแค เมื่อวันที่ 22 มี.ค. จากนั้นวันที่ 24 มี.ค.เดินทางกลับด้วยสายการบินไทยเวียตเจ็ทจากสนามบินสุวรรณภูมิ ต่อรถตู้จากขอนแก่นไปถึงกาฬสินธุ์และเดินทางต่อไปยังบ้านพักที่อ.ยางตลาด โดยรถยนต์ส่วนตัวผู้ป่วยขับเอง วันที่ 25 มี.ค.เริ่มมีไข้ ไอ มีน้ำมูก ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ 26มี.ค. ได้รับรายงานว่าเพื่อนที่ไปเยี่ยมที่กทม.ตรวจพบโควิด-19 จึงรีบไปตรวจที่โรงพยาบาล และผลออกมาวันที่ 27 มี.ค.ผลพบติดเชื้อและเข้ารับการรักษาที่รพ.กาฬสินธุ์-ธนบุรี

กทม.คัดกรองเชิงรุกอัตราติดเชื้อ 0.95 %
       พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า กทม.ได้รายงานที่ประชุมศบค.ชุดเล็ก ถึงการแพร่เชื้อจำแนกตามความเสี่ยง  พบว่า สูงสุด คือรายงานการติดเชื้อของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ตม.)ที่ศูนย์กักกันบางเขน รองลงมา คือ ตลาดบางแค  และการรายงานผู้ติดเชื้อจากการสัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า อาจหมายความว่าผู้ติดเชื้อยังทำงานปกติ เมื่อกลับบ้านจึงไปติดผู้สูงอายุ หรือเด็กเล็กที่อยู่ในบ้าน หรือคนในบ้าน โดยที่ผ่านมากทม.มีการคัดกรองเชิงรุกไปแล้วกว่า  106,741ราย พบติดเชื้อ 597 ราย คัดกรองที่สถานประกอบการ ตลาด ชุมชน และโรงงาน อัตราพบติดเชื้อ 0.958 %  โดยการติดเชื้อส่วนใหญ่ยังอยู่พื้นที่ฝั่งตะวันตกเป็นหลัก
       กรณีเชื่อมโยงกับตลาดบางแค มีการกระจายผู้ติดเชื้อไปในในพื้นที่ต่างๆ คือ ต่างจังหวัด 56 รายใน 11 จังหวัดเรียกว่าสะเก็ดไฟ และกรุงเทพฯ 481 ราย แยกเขตบางแค 318 ราย หนองแขม 63 ราย ภาษีเจริญ 54 ราย ตลิ่งชัน 17 ราย ทวีวัฒนา บางบอน 7 ราย บางขุนเทียน 4 ราย ธนบุรี 3 ราย และคลองสาน คลองสามวา จอมทอง บางกอกน้อย  บางกอกใหญ่ บางพลัด วังทองหลาง และสายไหม เขตละ 1 ราย

คลัสเตอร์ใหม่ตลาดเขตสะพานสูง
         พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า  มีรายงานการติดโควิด-19ในตลาดสดอีกแห่ง คือ เขตสะพานสูง โดยผู้ติดเชื้อตรวจพบรายแรกเป็นพ่อค้าเนื้อ อายุ 39 ปี  บ้านอยู่คลองสามวา  แต่มีประวัติไปรับเนื้อจากปทุมธานีมาขายที่ตลาดเขตสะพานสูง เริ่มมีอาการตั้งแต่ 11 มี.ค. ผลตรวจยืนยันเมื่อวันที่ 18 มี.ค. หลังจากนั้นก็นำไปติดภรรยาที่บ้านอายุ 37 ปี เป็นแม่ค้าขายเนื้อเขตสะพานสูงเช่นเดียวกันตรวจยืนยันผลวันที่ 27 มี.ค.  ขณะนี้ กทม.ลงพื้นที่แล้ว พบว่ามีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่ร่วมบ้านอีก 7 ราย ผลตรวจรอบแรกไม่พบเชื้อ แต่ยังต้องรอผลการสอบสวนโรคและรายงานต่อไป

อีก 1 รายในเขตสะพานสูง หญิงอายุ 57 ปี ขายล็อตเตอรี่และอยู่บริเวณใกล้เคียงตลาดที่พบผู้ป่วยรายแรก โดยมีอาการตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค.ตรวจพบเชื้อในวันที่ 22 มี.ค. และยังไปค้าขายได้ตามปกติเพราะไม่มีอาการ ทำให้ไปติดคนที่บ้าน 4 ราย เริ่มจากลูกอายุ 35 ปีขายล็อตเตอรี่ พี่สาวอายุ 72 ปีขายล็อตเตอรี่ที่ตลาดแถวร่มเกล้า แม่อายุ 89 ปี และเหลนอายุ 4 ปีเรียนอนุบาล ผลยืนยันเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา

“อยากให้เห็นว่าเรามีการรายงานคลัสเตอร์ตลาดมีการสรุปบทเรียนนำเสนอตลอดเวลาแต่ยังเห็นลักษณะพฤติกรรมใกล้เคียงกันหลายครั้ง ชุมชนดูข่าวแล้วไม่ตื่นตัวไม่กลับไปดูพื้นที่ของตัวเองทำให้คนในตลาดติดเชื้อ แล้วนำกลับไปสัมผัสคนที่บ้านเป็นผู้สูงอายุที่อาจจะมีโรคประจำตัวหรือเด็กเล็กที่อยู่ในการดูแลทำให้มีการติดเชื้อไปด้วย กลายเป็นพฤติกรรมเสี่ยงบางรายถึงขั้นเสียชีวิต อยากให้ประชาชนและเทศบาลต้องเป็นหูเป็นตาเฝ้าระวังตลาดและชุมชน เพราะอย่างที่เห็นปรากฏการณ์สะเก็ดไฟที่เกิดจากการติดเชื้อในพื้นที่และกระจายไปยังพื้นที่อื่น มีให้เห็นอยู่เสมอ ซึ่งเป็นลักษณะการเดินทางข้ามจังหวัด ทำให้เกิดการติดเชื้อแพร่กระจายในครอบครัวและคนใกล้ชิด ทั้งนี้ท่านยังไปตลาดได้แต่การเว้นระยะห่าง การสวมหน้ากากอนามัย การล้างมือจะการ์ดตกไม่ได้เด็ดขาด” พญ.อภิสมัยกล่าว

 ถกแผนกระจายวัคซีนถึงภาคธุรกิจ
       ต่อข้อถามวัคซีนโควิด19 ขณะนี้ภาคเอกชนจัดหาได้เองแล้วหรือไม่   พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ภาครัฐไม่ได้ห้าม แต่เน้นย้ำเรื่องความปลอดภัย เพราะวัคซีนโควิด19 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)ยังอนุญาตใหใช้ในภาวะฉุกเฉิน ประกอบกับที่ผ่านมายังมีผู้ผลิตวัคซีนได้น้อย แต่จากนี้ต่อไป การผลิตมีมากขึ้น เมื่อมีวัคซีนมากขึ้นการกระจายโดยภาคเอกชนก็อาจจะเป็นไปได้ ซึ่งตลอดสัปดาห์นี้ศบค.ชุดเล็ก จะมีการหารือกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรื่องของการกระจายวัคซีนในภาคเอกชน ภาคอุตสาหกรรม กรณีประชาชนสัมผัสผู้เสี่ยงในภาคเอกชน ธุรกิจ และเข้าออกต่างประเทศต้องมีการกระจายวัคซีนให้ทั่วถึงอย่างไร  นอกจากนี้ จะหารือร่วมกับทุกภาคส่วน ทุกกระทรวง เพื่อเตรียมแผนรองรอบมาตรการผ่อนคลายประเทศด้วย เช่น  กระทรวงแรงงานดูมาตรการแรงงานต่างด้าว แรงงาตามฤดูกาล และพาณิชย์ดูการค้าแนวชายแดน เป็นต้น เพื่อให้เตรียมเปิดประเทศได้เต็มรูปแบบ