6 จังหวัดจ่อปรับเป็น'พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด'โควิด19

เวลา 15.00 น.วันที่ 26 เม.ย.ที่กระทรวงสาธารณสุข ในการแถลงสถานการณ์โควิด 19 นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ แถลงข่าวประเด็น คลินิกห้องปฏิบัติการเอกชน ว่า ปัจจุบันมีคลินิกตรวจโควิด19 ที่ผ่านการรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จำนวน 279 แห่ง เป็นภาครัฐ 176 แห่ง เป็นเอกชน 103 แห่ง โดยอยู่ในกทม.และปริมณฑลถึง 109 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นคลินิกเอกชน ในจำนวนที่ประชาชนนิยมไปตรวจ 14 แห่ง โดยมี 11 แห่งมีคู่สัญญากับสถานพยาบาลแล้ว และอีก 3 แห่ง กำลังดำเนินการ ทั้งหมดเป็นหลักประกันให้ประชาชนว่า หากพบติดชื้อจะมีรพ.รับส่งต่อ สามารถเข้าไปตรวนสอบรายชื่อ คลินิกทั้ง 14 แห่งในกรุงเทพฯนี้ ได้ทางเว็บไซต์ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ

นพ.ธเรศ กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้เคยออกประกาศของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพถึงแนวทางให้คลินิกต่างๆ ดำเนินการ โดยสรุปคือ ก่อนจะตรวจคนไข้สงสัยป่วยโควิด ต้องเป็นคลินิกที่ผ่านการรับรอง และต้องให้คำแนะนำประชาชนอย่างถูกต้องและเหมาะสม เพราะถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องตรวจ ซึ่งเมื่อพบว่าผลบวก ต้องรีบแจ้งประชาชน และแจ้งหน่วยควบคุมโรคทันทีภายใน 3 ชั่วโมง เพื่อจะได้ควบคุมโรคได้ และต้องแจ้งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อลงข้อมูลในระบบ และในประกาศ สบส.ใหม่ได้ระบุว่า คลินิกแล็ปทุกแห่ง ต้องมีข้อสัญญากับสถานพยาบาล เพื่อส่งต่อผู้ป่วยได้ ซึ่งจะเป็นหลักประกันให้คนไข้ได้ หากเตียงเต็มก็ต้องเร่งประสานเตียงต่อ แต่หากไม่ได้ก็ต้องรายงานต่อผู้อนุญาตแต่ละพื้นที่

ฟันสถานพยาบาลเอกชน 12 แห่ง
นพ.ธเรศ กล่าวอีกว่า ในสถานการรืโควิด 19 มีประเด็นร้องเรียนมากมาย ทั้งคลินิกแล็ป หรือสถานพยาบาลเอกชน ซึ่งสบส. ได้มีการดำเนินการเสร็จไปแล้ว 12 แห่ง ใน 3 ประเด็นหลัก คือ 1.การไม่ส่งต่อผู้ป่วยโควิดหลังพบเชื้อ 2.ไม่พบรายงานผู้ป่วยในระบบของกรมควบคุมโรค หรือกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และ3. มีการโฆษณาเรื่องการตรวจโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งหมดได้สั่งให้แก้ไขปรับปรุง และระงับการกระทำดังกล่าวแล้ว หากไม่ดำเนินการปรับปรุงก็จะมีการพักใช้ หรือยุติการตรวจโควิด ระงับการโฆษณาต่อไป จนไปถึงการบังคับใช้ทั้งโทษปรับไม่เกิน 40,000 บาทและจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ หากมีประเด็นร้องเรียนเกี่ยวกับคลินิกหรือสถานพยาบาลเอกชนให้ติดต่อมายังสายด่วนกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ โทร. 1426 ในวันเวลาราชการ

สาวอ่างทองยังไม่สรุปแพ้วัคซีน
นพ.เฉวตสรร นามวาท รักษาราขการแทนผอ.กองควบคุมโรคและภันสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กล่าวว่า มีการฉีดวัคซีนสะสมไปแล้ว 1,149,666 โดส แยกเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 972,204 คน และครบ 2 เข็ม 177,562 คน ทั้งนี้ กรณีที่เป็นข่าวผ่านสื่อมวลชนว่าสาวจ.อ่างทองเสียชีวิตเพราะแพ้วัคซีนนั้น ขณะนี้ยังไม่สรุปว่าเป็นการแพ้วัคซีนแต่อย่างใด ยังอยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมข้อมูลและสืบสวนเชิงลึกโดยคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะต้องมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาประกอบ ทั้งประวัติการฉีดวัคซีน ล็อตไหน และการเจ็บป่วย ทราบว่าก่อนเสียชีวิตได้รับการรักษา ซึ่งก็ต้องนำประวัติการรักษาจากสถานพยาบาลมาประกอบพิจารณา ร่วมกับการผ่าศพชันสูตร ร่วมกับการตรวจแล็บต่างๆ เพิ่มเติม ก่อนจะสรุปผลสาเหตุการเสียชีวิตได้ อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่อาการน่าสงสัยว่าแพ้วัคซีน มักเกิดขึ้นเวลาสั้นๆ หลังฉีดไม่นาน แต่กรณีนี้ข้ามไป 2 วัน แต่ก็ไม่ได้ตัดประเด็น ต้องมีการพิจารณาข้อมูลก่อนโดยคณะผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งขณะนี้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด(สสจ.)อ่างทองได้ประสานญาติขออนุญาตนำศพมาชันสูตรแล้ว เมื่อข้อมูลครบถ้วนคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญจะพิจารณาอีกครั้งว่าเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับการรับวัคซีนหรือไม่

"กรณีนี้ถือเป็นเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์รุนแรงที่เกิดขั้นหลังการรับวัคซีน ดังนั้นมตามระบบเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จะต้องเข้าสู่การสอบสวนของผู้เชี่ยวชาญฯในการพิจารณาและสรุป หากยังจำได้ก่อนหน้านี้กรณีพระสงฆ์รูปหนึ่งและพยาบาลท่านหนึ่งที่เสียชีวิตหลังมีการรับวัคซีน แต่เมื่อทำการชันสูตรพบโรคที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตชัดเจนที่ไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน เพราะในคนแข็งแรงแม้ไม่มีการรับวัคซีนก็มีโอกาสป่วยขึ้นมาได้"นพ.เฉวตสรรกล่าว

ยอดติดเชื้อกระจุกตัว 6 จังหวัด
นพ.เฉวตสรร กล่าวอีกว่า เมื่อพิจารณาจำนวนผู้ติดเชื้อในการระบาดระลอกเดือนเม.ย.จะพบว่ามีการกระจุกตัวอยู่ใน 6 จังหวัด รวมคิดเป็น 60%ของผู้ติดเชื้อ คือ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ชลบุรี นนทบุรี สมุทราปราการและปทุมธานี ดังนั้น ความกระจุกตัวของผู้ติดเชื้อในจังหวัดต่างๆทั่วประเทศไม่เท่ากันในทุกจังหวัด เพราะฉะนั้น มาตรการใน 6จังหวัดนี้ก็จะมีมากกว่าจังหวัดอื่นๆ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การระบาดในขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้ออยู่จุดสูงสุดแล้วหรือไม่ หรือมีการชะลอแล้วหรือไม่ จึงเชื่อว่าหากประชาชนร่วมมือในมาตรการป้องกันส่วนบุคคล สามารถล็อกดาวน์ตัวเองได้ ก็จะทำให้เชื้อจะลดลงได้

6จังหวัดจ่อ"พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข(ศปก.สธ.) ซึ่งมีมติให้ยกระดับพื้นที่จังหวัดเป็น 3 ระดับนั้น ในส่วนของพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด สีแดงเข้ม มี 6 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ เชียงใหม่ และชลบุรี

พื้นที่ควบคุม สีส้ม มี 16 จังหวัด คือ แพร่ พะเยา นครพนม ตราด สิงห์บุรี อ่างทอง ชัยนาท อุทัยธานี แม่ฮ่องสอน พังงา สตูล น่าน ยโสธร มุกดาหาร อำนาจเจริญ และบึงกาฬ

และพื้นที่ควบคุมสุด สีแดง มี 55 จังหวัดที่เหลือ โดยจะมีการเสนอศบค.ต่อไป