เลือกใช้ 'ฟ้าทะลายโจร' ตามท้องตลาด ให้ถูกขนาด ปลอดภัย

เลือกใช้ 'ฟ้าทะลายโจร' ตามท้องตลาด ให้ถูกขนาด ปลอดภัย

"ฟ้าทะลายโจร" ยาสมุนไพรไทยที่ได้รับการขึ้นบัญชียาหลักแห่งชาติในปี 2559 ปัจจุบัน ในท้องตลาดมีการวางขายเพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึง ส่วนใหญ่นิยมนำมารักษาอาการไข้ เป็นหวัด โดยมีทั้งแบบ "จากผง" และ "จากสารสกัด" จึงต้องเลือกใช้ในปริมาณที่เหมาะสม ปลอดภัย

วันนี้ (30 เมษายน 2564) พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวในงานแถลงข่าวสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา2019 ในประเด็น สมุนไพรฟ้าทะลายโจร โดยระบุว่า “ฟ้าทะลายโจร” เป็นสมุนไพรใกล้ตัว ที่เป็นบทบาททางเลือกในการพิจารณาใช้ในผู้ป่วยโควิด 19 ที่อาการไม่รุนแรง ฟ้าทะลายโจรเป็นสมุนไพรที่ปลูกในบ้าน

โดยในปี 2559 ได้กลายอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ สิทธิของการรักษาของทุกคนสามารถรับฟ้าทะลายโจรได้ฟรี กรณีในการสั่งจ่าย หลักๆ ในอดีตที่ผ่านมา คือ ใช้เพื่อรักษาหวัด อาการระบบทางเดินหายใจ เจ็บคอ ไข้หวัดใหญ่ และ ถูกใช้ในกลุ่มโรคท้องเสีย ท้องเดิน ปัญหาระบบทางเดินอาหารที่มาจากเชื้อไวรัส ไม่ใช่เชื้อแบคทีเรีย

  • “ยาจากผงฟ้าทะลายโจร vs ยาจากสารสกัดฟ้าทะลายโจร”

สำหรับ รูปแบบของ "ฟ้าทะลายโจร" ในตลาดที่อาจทำให้เกิดการสับสน และนำไปใช้และเกิดผลข้างเคียงได้ เพราะใช้ในปริมาณที่ไม่เหมาะสม มีด้วยกัน 2 รูปแบบ ได้แก่

1. ยาจากผงฟ้าทะลายโจร

  • ซึ่งถูกนำมาตากแห้ง และบดเป็นผง
  • นำผงจากใบแห้งมาบรรจุแคปซูล
  • มีองค์ประกอบของสารหลายตัว รวมถึงไฟเบอร์จากใบ และสาระสำคัญที่ออกฤทธิ์อย่างแอนโดรกราโฟไลด์ แต่ไม่เข้มข้น
  • แอนโดรกราโฟไลด์ อยู่ในมาตรฐานที่อย. กำหนด คือ ไม่ต่ำกว่า 1%
  • หากข้างขวดระบุว่า แคปซูลมีฟ้าทะลายโจร 400 มก. แปลว่า มีแอนโดรกราโฟไลด์ 4 มก.
  • การใช้รักษาหวัด จะต้องใช้ยาที่มีแอนโดรกราโฟไลด์ 60 มก.ต่อวัน
  • ดังนั้น ในรูปแบบแคปซูล ขนาด 350 -400 มก.ต่อแคปซูล ต้องรับประทานครั้งละ 4 แคปซูลหรือเม็ด วันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน
  • จะได้ปริมาณยาประมาณ 6,000 มก. หรือเท่ากับแอนโดรกราโฟไลด์ 60 มก. และกินไม่เกิน 3-5 วัน

2. ยาจากสารสกัดฟ้าทะลายโจร

  • ในกรณีนี้ไม่มีใบติดมา เป็นสารสกัดล้วนๆ
  • ออกมาเป็นสารออกฤทธิ์สำคัญ แอนโดรกราโฟไลด์
  • หากข้างกระป๋องเขียนว่า รูปแบบแคปซูลหรือยาเม็ด ขนาด 9-10 มก.ต่อแคปซูลหรือเม็ด แสดงว่ามีแอนโดรกราโฟไลด์ 10 มก.
  • หากต้องการกินวันละ 60 มก. กินครั้งละ 2 แคปซูล วันละ 3 ครั้ง

อย่างไรก็ตามทั้ง 2 ชนิด มีข้อพึงระวังว่าไม่ควรกินนานกว่า 3-5 วัน

 

  • ฟ้าทะลายโจร กับ โควิด 19

ทั้งนี้ ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของฟ้าทะลายโจร ได้แก่ คือ ลดไข้ ต้านการอักเสบ ต้านไวรัสบางชนิด เช่น หวัด และกระตุ้นภูมิคุ้มกัน มีการศึกษาเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ป่วยเป็นโรคโควิด ที่ไม่ได้รับยาฟ้าทะลายโจร พบว่า ผู้ป่วยที่ไม่ได้รับยาฟ้าทะลายโจร มีโอกาสปอดอักเสบ 14.64% ส่วนผู้ป่วยที่ได้รับฟ้าทะลายโจร มีโอกาสปอดอักเสบ 0.97%  

แสดงให้เห็นว่า ฟ้าทะลายโจร มีแนวโน้มเป็นทางเลือกในการรักษาอาการในผู้ป่วยโควิด 19 ที่มีอาการไม่รุนแรง โดยได้รับฟ้าทะลายโจร 180 มก.ต่อวัน มากกว่าการรักษาหวัด 3 เท่า ภายใต้การดูแลของแพทย์

พญ.อัมพร กล่าวต่อไปว่า คำถามที่เจอบ่อย คือ ฟ้าทะลายโจร ป้องกันโควิดได้หรือไม่ ขอย้ำว่า ไม่สามารถป้องกันไวรัสเข้าสู่เซลล์ได้ ยังต้องฉีดวัคซีนและทำตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขทุกประการ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

 

  • อาการไม่พึงประสงค์จาก "ฟ้าทะลายโจร"

อย่างไรก็ตาม ในการใช้ฟ้าทะลายโจร สามารถมีอาการไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นได้จริง และเกิดขึ้นเสมอ แต่ไม่รุนแรง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ขมในคอ พะอืดพะอม ถ่ายเหลว ถ่ายบ่อย ใจเต้นเร็ว ในผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว โดยเฉพาะผงบดจะมีฤทธิ์ทำให้หลอดเลือดขยาย ความดันลด เวียนศีษะ มือเยน อ่อนแรง ใจเต้นเร็วขึ้น ควรจะใช้ด้วยความระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม หากรับประทานอย่างถูกวิธี มักจะเป็นปัญหาชั่วคราวและดีขึ้นได้เอง และมีผลต่อตับและไต หากมีโรคประจำตัวเหล่านี้จะไม่แนะนำ นอกจากนี้ ฟ้าทะลายโจรหากเก็บไว้นานมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ได้มากขึ้น ดังนั้น หากเกิน 2 ปีไม่แนะนำให้ใช้

  • ข้อห้ามในการใช้ฟ้าทะลายโจร

- ผู้แพ้ยาฟ้าทะลายโจร

- หญิงตั้งครรภ์

- หญิงให้นมบุตร

- ไม่ควรใช้เกิน 5 วัน อาจเกิดปัญหาต่อร่างกายได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

'ฟ้าทะลายโจร' ใช้อย่างไร ? ให้ปลอดภัยต่อตับ