ผู้ตรวจสธ.เชื่อโควิด-19ชายแดนใต้ถึงจุดพีค ในต.ค.อาจเริ่มลดลง

เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2564 นพ.สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 12 ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนใต้ ประกอบด้วย ยะลา ปัตตานี สงขลา และนราธิวาส ว่า สถานการณ์ค่อนข้างทรงตัว ผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ยวันละ 1,800-2,000 ราย ส่วนการเสียชีวิตเฉลี่ย 10 ราย แนวโน้มติดเชื้อไม่พุ่งสูง เริ่มเห็นเส้นตรง หากมาตรการป้องกันโรคและมาตรการวัคซีนทำได้ดี เชื่อว่าในเดือนต.ค. ก็จะเห็นตัวเลขลดลงได้ เพราะตอนนี้น่าจะเป็นจุดพีคแล้ว ทั้งนี้ อัตราติดเชื้อที่พบคิดเป็น 10% หากในจำนวนที่พบรายวันเฉลี่ยที่ 2 พันมาจากการตรวจกว่า 2 หมื่นตัวอย่างด้วยวิธี RT-PCR และ ATK แต่จะพบอัตราสูงขึ้นในการตรวจผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ขณะเดียวกัน การติดเชื้อใน 4 จังหวัดใต้มี 3 สายพันธุ์คือ เบต้า พบอัตราเท่าเดิมที่ 10% อัลฟ่าลดลงจาก 60 เป็น 50% โดยพบเดลต้าเพิ่มจาก 20 เป็น 30%

มาตรการวัคซีนที่ได้จัดสรรลงไปเป็นวัคซีนไฟเซอร์ ฉีดใน 4 จังหวัด ตั้งเป้าว่าจะต้องฉีดให้ได้ 70% ของประชากรภายในเดือนต.ค. แต่หากดูแนวโน้ม จ.สงขลา น่าจะทำได้ตามเป้า เนื่องจากคนมาฉีดมาก ส่วนยะลา ฉีดได้ 50% แล้ว 2 จังหวัดนี้น่าจะฉีดได้ 70% ภายในเดือนนี้ แต่ปัตตานีและนราธิวาส ยังไม่ถึง 50% ดังนั้น หากจะฉีดให้ครบ 70% ให้ครอบคลุมทั้งหมด คาดว่ากลางเดือนพ.ย.น่าจะทำได้ ส่วนวัคซีนไฟเซอร์ในเด็ก 12-18 ปี ใน 3 จังหวัดใต้ มีการแสดงความจำนงมารับเพียง 60% ซึ่งจะร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ศอ.บต. เพื่อรณรงค์ให้เด็กมาฉีดวัคซีน โดยอยากให้ทุกคนเข้ามารับเข็ม 1 ให้ได้มากที่สุด เนื่องจากหลายคนอาจกังวลเรื่องอาการไม่พึงประสงค์หลังรับวัคซีนที่จะพบมากในเข็ม 2

อ่านข่าว : สิ่งต้องรู้รับมือเปิดเทอมยุคโควิด-19 สสส.ติวเข้มครู ป้องกันปัญหา

นพ.สุเทพ กล่าวอีกว่า มาตรการส่วนบุคคลในการป้องกันตัวเองขั้นสูงสุด(Universal Prevention) หากเป็นการสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออกนอกบ้าน การทำกิจกรรม ไปตลาด ทุกคนก็ยังปฏิบัติได้ดี แต่เมื่ออยู่ในบ้านส่วนใหญ่ก็จะไม่ได้สวม ส่วนการรวมกลุ่มก็ยังพบบ้างเป็นกลุ่มย่อยๆ เช่น งานศพ น้ำชา น้ำกระท่อม ด้านมาตรการโควิดฟรีเซ็ตติ้ง(Covid Free Setting) ส่วนใหญ่เน้นในตลาด ร้านอาหาร สถานที่ราชการ สถานทีสาธารณะ เพราะยังพบการติดเชื้อเล็กๆ อยู่เรื่อยๆ รวมถึงการเตรียมการในโรงเรียน เพื่อรองรับเปิดเทอมด้วย