5กระทรวงจับมือปฏิรูปสาธารณสุข รักษาข้ามสถานพยาบาล-ไม่ต้องสำรองจ่าย
5กระทรวงจับมือปฏิรูปสาธารณสุข Big Rock 1 เชื่อมโยงฐานข้อมูล สร้างการเข้าถึงบริการง่ายขึ้น รักษาข้ามสถานพยาบาล ไม่ต้องสำรองจ่าย เตรียมจัดตั้งสำนักงานสุขภาพดิจิทัลแห่งชาติ บริหารการเชื่อมโยงข้อมูล มีระบบความปลอดภัยป้องกันถูกแฮก
เมื่อวันที่ 31 ต.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวการปฏิรูประบบสาธารณสุข Big Rock 1 “ยุติโรคระบาดด้วยนวัตกรรม โดยการเชื่อมต่อฐานข้อมูลสาธารณสุขแบบบูรณาการ” 5 กระทรวง ได้แก่ สธ. กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงการคลัง และกระทรวงแรงงาน ว่า ระบบฐานข้อมูลมีความสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริการด้านสาธารณสุข เช่น กรณีโรคมะเร็งรักษาทุกที่ ฐานข้อมูลทะเบียนมะเร็งทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นได้ ผู้ป่วยไม่ต้องเดินทางไกลที่ใช้เวลานาน ไม่ต้องไปรอคิวนานใน รพ.
ดังนั้น การพัฒนาระบบสารสนเทศ จึงต้องทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการง่ายขึ้น มีการรักษาความปลอดภัย ถึงได้รับการยอมรับผู้ใช้งาน การปฏิรูป Big Rock นี่ จะนำไปสู่การสร้างแพลตฟอร์มศูนย์กลางแลกเปลี่ยนทุกฐานข้อมูล ประเทศไทยต้องมีหน่วยงานกลางรวบรวมข้อมูล้ข้าด้วยกัน ซึ่ง สธ.ฝ่ายเดียวคงทำไม่ได้สำเร็จ หากไม่ได้รับความร่วมมือ
"สธ.ดูแลสุขภาพประเทศ มอบนโยบาย พัฒนาข้อมูลกลางสุขภาพที่มีมาตรฐานและปลอดภัย การรวบรวมจากสังกัดต่างๆ ต้องขอความร่วมมือทุกฝ่าย เมื่อมีศูนย์กลางข้อมูลแล้ว ความเข้มแข็งจะเกิดขึ้นต่อระบบสาธารณสุขของเรา อนาคตอาจปรับเป็นหน่วยงานกลางประเทศ เช่น สำนักงานสุขภาพดิจิทัลแห่งชาติ มีความจำเป็นมาก ประชาชนมีความหวังและรอให้เกิดขึ้น การปฏิรูประบบสาธารณสุขจำเป็นต้องใช้ข้อมูลที่ถูกต้อง นำมาแก้ไขปัญหา นำไปสู่การวางแผนสาธารณสุขประเทศอย่างยั่งยืน ใช้ทรัพยากรคุ้มค่า คนไทยมีชีวิตที่ดีมีคุณภาพ ประเทศชาติมั่นคงทางสุขภาพ สังคม และเศรษฐกิจยั่งยืน" นายอนุทินกล่าว
เมื่อถามว่าจะตั้งสำนักงานสุขภาพดิจิทัลแห่งชาติเมื่อไร นายอนุทินกล่าวว่า โดยเร็วที่สุด ซึ่งจะตั้งภายใต้สำนักนายกรัฐมนตรี สำคัญคือต้องมีระบบรักษาความปลอดภัย ไม่ให้ถูกแฮกเอาไปใช้ประโยชน์
นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.อว. กล่าวว่า หวังว่าสิ้นปี 2565 ประเทศไทยจะมีระบบบริหารจัดการโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้คำปรึกษาออนไลน์ จัดคิวง่าย จัดการยา วัคซึน และอนาคตจะทำระบบวัคซีนพาสปอร์ต เชื่อมโยงหน่วยงานทั้งไทยและต่างประเทศ ภายใน 5 ปี ประเทศจะบริหารระบบบริการสาธารณสุขอย่างมีประสิทธิภาพเชื่อมต่อแบบบูรณาการ
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า ก.ดิจิทัลฯ มอบหมายให้สถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ (GBDi) ร่วมกับหน่วยงานภายใต้ สธ. และ อว.ศึกษา ออกแบบ พัฒนา และให้บริการระบบสารสนเทศ Health Link ตั้งอยู่บนคลาวด์ของบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้รับมาตรฐานสากล ISO 27001
และใช้ FHIR ซึ่งเป็นมาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพที่มีผู้ใช้งานทั่วโลก เพื่อพัฒนาระบบข้อมูลสุขภาพระดับชาติให้มีมาตรฐานระดับสากล นำข้อมูลระดับมหภาคมาประกอบการตัดสินใจวางแผนและพัฒนานโยบายด้านสุขภาพ บริหารจัดการกับแนวโน้มด้านสุขภาพในอนาคต แก้ไขปัญหาด้านข้อมูลสุขภาพของประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา การเบิกจ่ายช่วงการระบาดของโรค การใช้ข้อมูลร่วมกันได้ทั้งภายในและข้ามเครือข่าย เพิ่มคุณภาพการบริการแก่ประชาชนได้
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า ก.คลังเป็นหน่วยงานหลักดูแลระบบเบิกจ่ายและการรักษาข้าราชการไทย เราให้ความสำคัญพัฒนาระบบเบิกจ่าย ให้บริการข้าราชการ โดยพัฒนาระบบฐานข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ ทั้งนี้ การเชื่อมต่อฐานข้อมูลบูรณาการ ช่วยลดความซ้ำซ้อน สร้างมาตรฐานความปลอดภัย หากโครงการนี้สำเร็จจะช่วยการเบิกจ่ายข้าราชการไทยมีประสิทธิภาพ สะดวกสบาย ไม่ต้องสำรองจ่ายก่อน ส่งข้อมูลสุขภาพไร้รอยต่อ อนาคตเชื่อมโยงสมบูรณ์ปลอดภัย ขยายการบริการรักษาไปยังภาคเอกชนได้ หวังว่าจะนำไปสู่ความร่วมมืออื่นๆ ต่อไป
นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ฐานข้อมูลนายจ้างลูกจ้างยังต้องปรับปรุง ทั้งนโยบาย บริการ การเบิกจ่าย การบูรณาการเชื่อมฐานข้อมูลจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้ผู้ใช้แรงงานได้รับความสะดวกในการรักษา ซึ่งปัจจุบันเรามีผู้ประกันตนทั้งมาตรา 33 , 39 ,40 และที่ซื้อประกันหลายสิบล้านคน การรักษาบางครั้งมีความยาก เพราะขาดการเชื่อมต่อข้อมูล การปฏิรูปเชื่อมต่อฐานข้อมูลมีความสำคัญมาก หากดำเนินการตามแผนจนสำเร็จ ข้อมูลเชื่อมโยงสมบูรณ์ ผู้ใช้แรงงานประกันสังคมจะได้รับความสะดวก รักษาข้ามสถานพยาบาล เบิกจ่ายง่ายขึ้น รวมถึงนำมาปรับปรุงบริการสิทธิประโยชน์ได้ต่อไป