"เดลต้า"สายพันธุ์โควิดที่พบในไทยมากสุด เตือนระวังคลัสเตอร์หมูกระทะ
"โอมิครอน"ระบาดมากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก ขณะที่ไทยยืนยันพบผู้ติดเชื้อ 4 ราย คุมเข้มเปิดประเทศเผย 5 ประเทศต้นทางที่เข้าไทยมากสุด ขณะที่สายพันธุ์โควิด-19 ระบาดในไทย 99.58% สายพันธุ์เดลต้า พร้อมย้ำเฝ้าระวังคลัสเตอร์ "หมูกระทะ" ร้านอาหารที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากสุด
วันนี้ ( 15 ธ.ค. 2564) พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อ โควิด-19ประจำวันว่า สำหรับสถานการณ์โอมิครอนทั่วโลกนั้น ได้มีการกระจายไปมากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก ซึ่งมีการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วใน 3 ประเทศหลักๆ ได้แก่ สหราชอาณาจักร เดนมาร์ก นอร์เวย์
- "โอมิครอน"ระบาดมากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก
โดย 20 ประเทศพบรายงานการติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนในผู้ที่ไม่มีประวัติการเดินทางไปต่างประเทศ ได้แก่ เกาหลีใต้ แคนาดา โครเอเชีย เดนมาร์ก นอร์เวย์ นามิเบีย เบลเยียม โปรตุเกส ฝรั่งเศส โมซัมบิก เยอรมนี สเปน สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย อินเดีย อิสราเอล ไอซ์แลนด์ ไอร์แลนด์ เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประเทศจีน และมีการพบผู้เสียชีวิตจากสายพันธุ์โอมิครอนเพียง 1 ราย ในประเทศอังกฤษ ส่วนประเทศไทยนั้น พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนเฉพาะผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 4 รายเท่านั้น
สำหรับผลการดำเนินงานการรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรทางอากาศ จำแนกตามประเภทตั้งแต่วันที่ 1-14 ธ.ค.2564 พบว่า ในเดือนพ.ย.มีเดินทางเข้ามา 133,061 คน และเดือนธ.ค.ผ่านไป 2 สัปดาห์103,263 คน โดย80% จะเข้ามาในรูปแบบ Test&Go 15% จะเข้ามาในรูปแบบ Sandbox และที่เหลือจะเข้ามาในรูปแบบกักตัว
- สายพันธุ์โควิดในไทย 99.58% ยังเป็นเดลต้า
ส่วน 5 ประเทศต้นทางที่เข้าไทยมากที่สุดในเดือนพ.ย.ได้แก่ สหรัฐอเมริกา 14,730 คน เยอรมนี 12,099 คน เนเธอร์แลนด์ 8,478 คน UK 6,701คน และรัสเซีย 5,407 คน ขณะที่ในเดือนธ.ค.(1-14 ธ.ค.) 5 ประเทศต้นทางที่เข้าไทยมากสุด ได้แก่ เยอรมนี 8,739 คน สหราชอาณาจักร 6,818 คน รัสเซีย 4,549 คน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 3,966 คน และ สหรัฐอเมริกา 3,705 คน
ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่เดินทางเข้ามาในไทย มีการติดเชื้อโควิด-19 ดังนี้ ในเดือนธ.ค.2564 จำนวน103,263 คน ติดเชื้อ 189 ราย อัตราการติดเชื้อ 0.18% ขณะที่ผู้ติดเชื้อโอมิครอน ในไทย จากกการรายงานของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ มีทั้งหมด 11 ราย โดย 3 ใน 11 ราย ยังอยู่ในระหว่างยืนยันจากการตรวจถอดรหัสพันธุกรรรม สามารถติดตามผล 3 รายจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
สถานการณ์สายพันธุ์โควิด-19 ในไทย 99.58% ยังเป็นสายพันธุ์เดลตา 0.17% สายพันธุ์แอลฟ่า 0.2% สายพันธุ์เบตา และ 0.23% สายพันธุ์โอมิครอน ดังนั้น ทุกคนต้องปฎิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด
ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ในไทยนั้น พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,370 ราย แบ่งเป็น ผู้ติดเชื้อรายใหม่จากในประเทศ 3,239 ราย ผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ 20 รายและผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 11 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมแล้วจนถึงวันนี้ (ระลอกเดือนเม.ย.) 2,149,413 ราย
ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 29 ราย ทำให้การระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่เดือน เม.ย. 2564 มียอดผู้เสียชีวิตสะสมถึง 21,166 คน ขณะที่ภาพรวมของการเสียชีวิตจากสถานการณ์โควิด-19 มีผู้เสียชีวิตรวม 21,260 คน ผู้ที่กำลังรักษาตัวอยู่ 46,315 ราย กลุ่มคนไข้อาการหนักที่มีอาการปอดอักเสบที่น่าวิตก 1,018 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจอีก 277 ราย ยอดผู้ที่หายป่วยกลับบ้านแล้ว 4,557 ราย หายป่วยสะสมตั้งแต่ 1 เม.ย. 2564 จำนวน 2,083,275ราย
- 5 จังหวัดใต้ พบผู้ติดเชื้อสูงสุดติดTOP10
ส่วนรายงานผู้เสียชีวิตรายใหม่ 29 ราย พบว่า เป็นเพศชาย 6 ราย หญิง 23 ราย ในจำนวนนี้เป็นชาวไทย 28 ราย เมียนมา 1 ราย โดยส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 23 ราย คิดเป็น 79% และ กลุ่มโรคเรื้อรัง 5 ราย คิดเป็น 18% ทั้งสองกลุ่มคิดเป็นสัดส่วน 96% ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตใน 29 ราย มี 21 รายที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยส่วนใหญ่ติดเชื้อจากคนในครอบครัว
สำหรับภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 15 ธ.ค.2564 ยอดฉีดทั่วประเทศ 98,046,970โดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 ฉีดสะสม 50,095,106 ราย คิดเป็น 69.5% ของประชากร เข็มที่ 2 ฉีดสะสม 43,643,486 ราย คิดเป็น 60.6%ของประชากร เข็มที่ 3 ฉีดสะสม 4,308,378 ราย คิด6.0 %ของประชากร
ขณะที่ 10 จังหวัดอันดับแรกที่พบผู้ป่วยสูงสุด พบว่า กทม. 583ราย ชลบุรี 172 ราย นครศรีธรรมราช 150 ราย สมุทรปราการ 140 ราย สงขลา 135 ราย ปัตตานี 117ราย สุราษฎร์ธานี 97ราย เชียงใหม่ 89 ราย ปราจีนบุรี 76 ราย และตรัง 71 ราย ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าภาคใต้ 5 จังหวัดที่มีจำนวนผู้ป่วยโควิด อย่างต่อเนื่อง และมี 6 จังหวัดยังพบผู้ติดเชื้อเกิน 100 ราย
- "หมูกระทะ" คลัสเตอร์ที่ต้องเฝ้าระวังแพร่โควิด-19
สำหรับคลัสเตอร์ที่ยังคงพบการระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง คือ ในโรงงานและสถานประกอบการ เช่น โรงงานในปราจีนบุรี ระยอง ขอนแก่น หรือในตลาด เช่น จันทบุรี และค่ายทหาร รวมถึงคลัสเตอร์งานศพ ส่วนคลัสเตอร์ในร้านอาหารจะพบในกรุงเทพฯ และสุราษฎร์ธานี
“ศบค.มีความห่วงใย และการพบในกลุ่มก้อน อาจจะมีมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่จะถึงนี้ ซึ่งร้านอาหารที่มีการรายงานพบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก คือ หมูกระทะ เป็นร้านอาหารที่มีคนหมู่มากและใช้เวลานาน อาจทำให้เสี่ยงเกิดการติดเชื้อได้ รวมถึงตลาด ดังนั้น ขอให้ทุกภาคส่วนทั้งผู้ประกอบการ ผู้ใช้บริการ เคร่งครัดในการดำเนินการมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ต้องใส่หน้ากากตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ เมื่อใช้บริการเสร็จควรรีบกลับบ้าน” พญ.สุมนี กล่าว
ทั้งนี้ สำหรับจำนวนผู้ป่วยตรวจพบ ผู้ป่วยใส่ท่อหายใจ และผู้ป่วยเสียชีวิตเฉลี่ยเคลื่อนที่ 7 วัน ระหว่างเดือนส.ค.-พ.ย.2564 จะเห็นว่าลดอัตราผู้ป่วยอาการรุนแรงต่อผู้ติดเชื้อ จากเดือนส.ค. 2.79% เป็น 1.52% เดือนพ.ย.อัตราผู้ป่วยเสียชีวิตต่อผู้ติดเชื้อ เดือนส.ค.0.99% เป็น 0.37% เดือนพ.ย.ขณะที่ความครอบคลุมได้รับวัคซีนในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง เดือนส.ค 44.5% เป็น 71.9% เดือนพ.ย.
- เปิดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวเพิ่ม 9 จังหวัด
พญ.สุมนี กล่าวต่อว่าจากการประชุมศบค.เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2564 ได้มีการกำหนดจังหวัดเป็นพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวในแต่ละระยะพื้นที่สีฟ้า โดยระยะที่ 2 (1-31 ธ.ค.2564) เพิ่ม9จังหวัด(รวม 26 จังหวัด) ได้แก่ ชลบุรี (ทั้งจังหวัด) เชียงใหม่ (จอมทอง) ตราด(เกาะกูด) กาญจนบุรี (ทั้งจังหวัด) นนทบุรี (ทั้งจังหวัด) ปทุมธานี (ทั้งจังหวัด) เชียงราย (เมือง แม่จัน แม่สาย เทิง พาน เวียงป่าเป้า แม่สรวย แม่ฟ้าหลวง เชียงแสน เวียงแก่ง เชียงของ) อยุธยา (พระนครศรีอยุธยา) ขอนแก่น (เมือง เขาสวนกวาง อุบลรัตน์ ภูเวียง เวียงเก่า พลเปือยน้อย) นครราชสีมา (เมือง ปากช่อง วังน้ำเขียว สีคิ้ว พิมาย เฉลิมพระเกียรติ โชคชัย) สุรินทร์ (เมือง ท่าตูม) และจันทบุรี (เมือง ท่าใหม่)
ทั้งนี้ มีการปรับระดับพื้นที่ และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ โดยทุกพื้นที่ ต้องคงใช้มาตรการตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรการ 9 แห่ง พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 37)กิจกรรม/กิจการอื่นๆ นอกเหนือจากที่กำหนด คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพฯ สามารถพิจารณาเปิดปิดได้ตามสถานการณ์ของพื้นที่ กรณีสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงจะมีการปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักรเพื่อความเหมาะสมกับมาตรการที่กำหนดไว้
อย่างไรก็ตาม ขอเน้นย้ำการปรับมาตรการในร้านอาหารช่วงปีใหม่ การบริโภคสุราในคืนวันที่ 31 ธ.ค.2564- 1 ม.ค.2565 สามารถเปิดให้บริการและบริโภคสุราได้ไม่เกิน 01.00 น. และเฉพาะร้านที่เปิดโล่ง อากาศถ่ายเทสะดวกเท่านั้น