สรุป! มาตรการเข้าเมืองไทยที่นักท่องเที่ยวต้องรู้!
ศบค.เผยกรมวิทย์ รายงานยอดผู้ติดเชื้อโอมิครอนล่าสุด 104 ราย พร้อมสรุป 4 มาตรการเข้าไทยที่นักท่องเที่ยว คนไทย ผู้ประกอบการต้องรู้ ย้ำแนวปฎิบัติก่อนเข้า หลังเข้า และระหว่างอยู่ในประเทศ ระบุหลังปีใหม่ ขอความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐให้มีมาตรการเจ้าหน้าที่WFH มากที่สุด
วันนี้ ( 22 ธ.ค. 2564) พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ประจำวันว่า สำหรับ สถานการณ์โอมิครอนทั่วโลก นั้น ได้มีการกระจายไปแล้ว 95 ประเทศทั่วโลก มีการระบาดในสหรัฐอเมริกาทั้งหมด 47 รัฐ คิดเป็นผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน 73% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา ซึ่งศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ ชี้แจงว่า ขณะนี้ไวรัสกลายพันธุ์โอมิครอน ได้กลายเป็นไวรัสโควิดสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดในประเทศแล้ว โดยเพียงสัปดาห์เดียวหน่วยควบคุมโรคสหรัฐ พบว่า ในบรรดาผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ของประเทศจำนวน 73.2% เป็นการติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน เพิ่มขึ้นจาก่อนหน้านั้นที่อัตราติดเชื้อโอมิครอนอยู่ที่ราว 12.6% ของจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด
- ไทยพบผู้ติดเชื้อโอมิครอน 104 ราย
"สำหรับสถานการณ์โอมิครอนในไทย นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้รายงานว่าผู้ติดเชื้อโอมิครอนในประเทศไทยมีทั้งหมด 104 ราย ซึ่งในจำนวนนี้อยู่ในระบบการรักษา และได้รับการรักษาจนหายดีออกจากโรงพยาบาลแล้ว" พญ.สุมนี กล่าว
- เช็ค 4 มาตรการเข้าไทยที่ต้องรู้
พญ.สุมนี กล่าวต่อว่าจากมติที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ซึ่งได้มีการพิจารณาปรับมาตรการในการรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทย มีรายละเอียดดังนี้ 1.การปรับมาตรการสำหรับ ผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร โดยจะระงับการเปิดรับ ผู้เดินทางเข้า ราชอาณาจักรประเภท Test and Go และ Sandbox ชั่วคราวไปก่อน ยกเว้นภูเก็ต Sandbox และการเข้ามาแบบกักตัว และจะมีการประเมินสถานการณ์เป็นระยะ เริ่มตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค.64 และประเมินสถานการณ์อีกครั้งวันที่ 4 ม.ค.65
2. ผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรประเภท Test and Go ที่ได้รับอนุมัติแล้ว ตั้งแต่ปัจจุบัน สำหรับผู้ที่ได้รับอนุมัติแล้ว ประมาณ 200,000 คน เนื่องจากผู้เดินทางมีการจองและจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว จะมีการประเมินสถานการณ์เป็นระยะ ทั้งนี้ ต้องมีมาตรการในการติดตาม ตรวจสอบสถานที่พำนัก มีการรายงานและเข้ารับการตรวจหาเชื้อเมื่อมีอาการ และตรวจหาเชื้อในครั้งที่ 2
3.ผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรประเภท Sandbox ที่ได้รับอนุมัติแล้ว ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยให้จังหวัดกำกับติดตามการออกนอกจังหวัด ติดตั้ง App หมอชนะ และตรวจครั้งที่ 2 ให้ได้ 100 % (วันที่ 5-6 และไม่เสียค่าใช้จ่าย) ทั้งนี้ ให้โรงแรมนัดหมาย วันและสถานที่ เข้ารับการตรวจครั้งที่ 2 ปรับการเข้าราชอาณาจักรให้มีการจองที่พัก 7 วัน เหมือนเดิม (ยกเลิกการ เข้าในที่พำนักของตนเอง) ต้องมีมาตราการในการติดตาม ตรวจสอบสถานที่พำนัก มีการรายงานและเข้ารับการตรวจหาเชื้อเมื่อมีอาการและตรวจหาเชื้อในครั้งที่ 2 สำหรับผู้ที่ได้รับอนุมัติตั้งแต่ 22 ธ.ค.2564 เป็นต้นไป ผู้ที่ได้รับอนุมัติแล้วให้เข้าพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวตามที่ได้รับอนุมัติ
- เปิดแนวทางการสื่อสารนักท่องเที่ยวเข้าไทย
4.การปรับมาตรการด้านสาธารณสุข มีดังนี้ ปรับการตรวจ Test and Go และ Sandbox เป็น RT-PCR 2 ครั้ง โดยกำหนดจุดตรวจครั้งที่ 2 ให้ และไม่เสียค่าใช้จ่าย (รัฐบาลรับผิดชอบ) ซึ่งโรงแรมสอบถามพื้นที่ที่ผู้เดินทางจะเดินทางไป และลงบันทึกใน ระบบ COSTE และแจ้งจุดตรวจให้ผู้เดินทาง จังหวัดต้องกำหนดจุดตรวจ และแนวทางในการแจ้งผล ต้องมีระบบการรายงานทั่วทั้งประเทศ นอกจากนั้น มีการจัดระบบรถรับส่ง และกำกับมาตรการต่างๆ ของโรงแรม รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
พญ.สุมนี กล่าวต่อไปว่า ส่วนที่มีรายงานว่า มีนักท่องเที่ยวหลุดจากระบบติดตาม ขอให้ทุกหน่วยงาน โรงแรมที่รับนักท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ฯลฯ ต้องเข้มงวดเป็นพิเศษ เพราะขณะนี้นี้เราอยู่ระหว่างการสกัดกั้นโอไมครอน หากมีการระบาดในประเทศก็ต้องระบาดให้น้อยที่สุด
ขณะเดียวกัน วันนี้ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก โดยกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ รายงานตัวเลขนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาสนามบินสุวรรณภูมิ อยู่ที่ 10,787 คน ภูเก็ต 2,546 คน ที่ประชุม ผอ.ศบค.ชุดเล็กได้ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดการศูนย์ปฏิบัติการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อตรวจสอบจำนวนผู้เดินทางที่มาทางท่าอากาศยานทุกช่องทาง ให้ติดตามการเดินทางจนเข้าที่พัก และติดตามการตรวจครั้งที่สอง ให้ครบทุกรายในช่วง 7 วัน ซึ่งมีหน่วยงานเกี่ยวข้องต่างๆ ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข การบินพลเรือน กระทรวงมหาดไทย เป็นต้น รวมไปถึงผู้ประกอบการ โรงแรม และโรงพยาบาลคู่ขนานปฏิบัติงานร่วมกับโรงแรมทุกแห่งด้วย
อย่างไรก็ตาม ที่สำคัญต้องสื่อสารแนวทางปฏิบัติกับนักท่องเที่ยวทุกคน และต้องให้ตรวจ RT-PCR เป็นลบก่อนจึงจะให้ออกจากห้องพักได้ ทุกวันนี้ยังมีคนที่ยังไม่รอผลแต่ออกไปก่อน เสี่ยงมาก และเมื่อผลเป็นลบออกไปได้ แต่ระหว่างการเดินทางต้องปฏิบัติตามขั้นตอนมาตรการความปลอดภัย ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เพราะเรามีรายงานว่า นักท่องเที่ยวที่เข้ามาในไทย เมื่อผลเป็นลบ ยังพบไม่สวมหน้ากากอนามัย ซึ่งถือว่าไม่ปลอดภัย เพราะตรวจครั้งแรกไม่พบ แต่ครั้งที่สองยังไม่ได้รับการตรวจ ยังเสี่ยงอยู่
- แนวปฎิบัติตามมาตรการป้องกันควบคุมโรค
นอกจากนั้น ที่ประชุมได้มีการออกแนวปฎิบัติตามมาตรการป้องกันควบคุมโรค สำหรับเดินทางเข้าราชอาณาจักร มีดังนี้
- ก่อนจะเข้าราชอาณาจักรต้องศึกษารายละเอียด และลงทะเบียน Thailand Pass รวมถึงต้องปฎิบัติตามเกณฑ์ที่กำหนด
- หลังเข้าราชอาณาจักรมาแล้ว ต้องเข้ารับการวัดอาการ ติดตั้งApp หมอชนะ และหลังการตรวจหาเชื้อต้องอยู่ในห้องพักเท่านั้น
- ระหว่างการเดินทางในประเทศให้ปฎิบัติ สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล ขณะที่ผู้ประกอบการ ต้องศึกษารายละเอียดและแนวทางเหล่านี้ร่วมด้วย
“การปรับมาตรการสำหรับคนในประเทศและมาตรการอื่นๆ นั้น เจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐ ห้ามลาไปต่างประเทศยกเว้นมีเหตุจำเป็น คนไทยที่จะเดินทางไปต่างประเทศ ให้ชะลอ ยกเลิกการเดินทางที่ไม่จำเป็น เน้นย้ำให้มีการตรวจ ATK ก่อนเดินทาง ให้มีการใช้ ATK ด้วยตนเอง ให้มีการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง และเน้นมาตรการจัดกิจกรรมช่วงเทศกาลปีใหม่ และหลังปีใหม่ ขอความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐให้มีมาตรการเจ้าหน้าที่ทำงานที่บ้าน WFH มากที่สุดในช่วงแรก เพื่อจำกัดการแพร่ระบาด” พญ.สุมนี กล่าว