สปสช. ปรับแนวทางจ่ายค่าบริการ “Home Isolation” รับมือ "โอมิครอน"

สปสช. ปรับแนวทางจ่ายค่าบริการ “Home Isolation” รับมือ "โอมิครอน"

"สปสช." เตรียมพร้อม ระบบการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่บ้าน “Home Isolation" หลังพบผู้ติดเชื้อ "โอมิครอน" เพิ่มอย่างต่อเนื่อง ปรับแนวทางเบิกจ่ายค่าบริการ พัฒนาระบบ ลดขั้นตอนการโทรตรวจสอบ เบิกจ่ายค่าบริการรวดเร็วขึ้น

วันนี้ (28 ธ.ค.64) นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรค โควิด-19 ในประเทศไทย ที่พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ "โอมิครอน" (Omicron) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลสายพันธุ์โอมิครอนที่มีรายงานการแพร่ระบาดที่รวดเร็ว อาจส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นกระจายไปในหลายพื้นที่ได้ ดังนั้น สปสช. ได้จัดเตรียมระบบการเบิกจ่ายงบประมาณเตรียมพร้อม “ระบบการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่บ้าน” ( Home Isolation : HI) เพื่อรับมือสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นนี้

 

ทั้งนี้ เพื่อให้หน่วยบริการร่วมระบบการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่บ้านเพิ่มขึ้น สปสช.ได้ปรับปรุงแนวทางการจ่ายชดเชยค่าบริการเพื่อให้เกิดการสนับสนุนการบริการที่เหมาะสม รวมถึงการเบิกจ่ายที่รวดเร็วขึ้น

 

สปสช. ปรับแนวทางจ่ายค่าบริการ “Home Isolation” รับมือ \"โอมิครอน\"

  • การเบิกค่าดูแลเพิ่มเติม

 

โดยประเด็นการจ่ายชดเชยบริการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่บ้านที่มีการเปลี่ยนแปลง ได้แก่ ค่าบริการเหมาจ่ายล่วงหน้า ปรับเป็นจำนวน 1,000 บาท โอนให้หน่วยบริการทุกสัปดาห์ ซึ่งในระหว่างการดูแลผู้ป่วย หน่วยบริการสามารถเบิกค่าดูแลเพิ่มเติมตามรายการ ดังนี้ 


1.RT-PCR มีค่าตรวจ Lab 1,000-1,200 บาท/ครั้ง, ค่าอื่นๆ ในห้อง Lab 200 บาท/ครั้ง และค่าเก็บตัวอย่างสิ่งส่งตรวจ 100 บาท / ครั้ง


2.ค่าดูแลการให้บริการผู้ป่วย แบบไม่รวมค่าอาหารจ่ายแบบเหมาจ่ายในอัตรา 600 บาทต่อวัน และแบบรวมค่าอาหาร 3 มื้อ เหมาจ่าย ใน 1,000 บาทต่อวัน 


3.ค่าอุปกรณ์สำหรับผู้ป่วย ได้แก่ ปรอทวัดไข้แบบดิจิทัล เครื่องวัด Oxygen Sat ตามรายการที่ใช้จริง ไม่เกินจำนวน 1,100 บาทต่อราย


4.ค่ายาที่เป็นการรักษาเฉพาะโรคติดเชื้อโควิด-19 จ่ายตามจริงไม่เกิน 7,200 บาทต่อราย


5.ค่ารถส่งต่อ จ่ายตามจริงตามระยะทาง รวมค่าทำความสะอาด 1,400 บาท


6.ค่า chest X-ray (การเอกซเรย์ปอด) จ่ายในอัตรา 100 บาทต่อครั้ง 


7.ค่าออกซิเจน จ่ายในอัตรา 450 บาทต่อวัน     

  • ปรับระบบตรวจสอบการเบิกจ่าย

 

นพ.จเด็จ กล่าวว่า ส่วนขั้นตอนการเบิกจ่าย ตามที่ สปสช.ได้วางระบบตรวจสอบ 100% ก่อนเบิกจ่ายให้หน่วยบริการ แต่มีการทักท้วงถึงความล่าช้าในการเบิกจ่าย เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว สปสช.จึงปรับระบบการตรวจสอบโดยใช้วิธียืนยันพิสูจน์ตัวตนผู้ติดเชื้อที่เข้ารับบริการ HI ผ่าน LINE OA : @nhso เบื้องต้นหน่วยบริการจะได้รับค่าบริการเหมาจ่าย 1,000 บาท 

 

ภายหลังจากผู้ติดเชื้อได้รับบริการ ก่อนจำหน่ายออกจากการดูแลในระบบ HI หน่วยบริการเพียงให้ผู้ติดเชื้อทำแบบประเมิน “การติดตามผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในระบบดูแลที่บ้าน” ในระบบ LINE OA @nhso ซึ่ง สปสช. ได้เชื่อมโยงกับระบบบันทึกข้อมูลและประมวลผลข้อมูลการบริการทางการแพทย์ (e-Claim)

 

เมื่อผู้ติดเชื้อตอบคำถามแบบประเมินนี้ครบถ้วนก็จะถือเป็นหลักฐานการรับบริการเพื่อเบิกจ่ายค่าบริการ ทำให้การเบิกค่าบริการรวดเร็วขึ้น โดย สปสช. ไม่ต้องทำการตรวจสอบยืนยันโดยโทรหาผู้ติดเชื้อที่เข้ารับบริการ ซึ่งที่ผ่านมามีส่วนหนึ่งที่ไม่สามารถติดต่อได้ ทั้งยังช่วยลดปัญหาการส่งเอกสารทักท้วงของหน่วยบริการ 

 

“การทำแบบประเมินการเข้ารับบริการในระบบ HI โดยผู้ติดเชื้อเอง จะเป็นการเพิ่มความสะดวกในการเบิกจ่ายค่าบริการให้กับหน่วยบริการ และได้รับค่าบริการที่รวดเร็วขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาติดที่ขั้นตอนที่ สปสช. ต้องโทรตรวจสอบยืนยันการเข้ารับบริการกับผู้ติดเชื้อก่อน ซึ่งมีหลายรายที่มีปัญหาไม่สามารถติดต่อได้ ทำให้ไม่สามารถเบิกจ่าย อย่างไรก็ตามในกรณีที่ผู้ติดเชื้อไม่ได้ทำแบบประเมินดังกล่าว การตรวจสอบการบริการก็ยังคงต้องใช้ระบบโทรยืนยันเช่นเดิม” เลขาธิการ สปสช. กล่าว

 

  • ครม.อนุมัติงบ 3 หมื่นล้าน สปสช. เบิกจ่ายรักษาโควิด ฉีดวัคซีนปี 2565

 

ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ประจำวันที่ 28 ธันวาคมว่า ที่ประชุมครม.อนุมัติกรอบวงเงิน 31,662.9 ล้านบาท สำหรับโครงการค่าบริการสาธารณสุขภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพปี 2565 ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือสปสช.เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้กับหน่วยบริการ สถานพยาบาลที่ให้บริการสาธารณสุขโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สำหรับประชาชนทั่วไปที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ทั้งการคัดกรอง การบริการรักษาผู้ติดเชื้อ การดูแลผู้ติดเชื้อ การให้บริการวิกฤตฉุกเฉิน และหน่วยให้บริการวัคซีนโควิด-19 ตามนโยบายของรัฐบาล

 

และมอบหมายให้ สปสช. และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพปรับปรุงหลักเกณฑ์การสนับสนุนค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยโควิด-19 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ควบคุมและการป้องกันโรคระบาด ทั้งในเรื่องของจำนวนประชากรที่ได้รับวัคซีนเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยเข้าสู่สภาวะปกติสามารถดำเนินกิจกรรมทางด้านเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างรวดเร็วขึ้น ศักยภาพของสถานบริการของรัฐเพิ่มขึ้นจากผลของความรุนแรงจากการติดเชื้อลดลง โดยคำนึงถึงการใช้จ่ายงบประมาณอย่างคุ้มค่าสูงสุด

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์