รับมือ "สังคมสูงวัย" เตรียมความพร้อม ครอบคลุม 4 มิติ
เมื่อประเทศไทย ก้าวสู่ "สังคมสูงวัย" โดยสมบูรณ์ในปีนี้ การเตรียมพร้อมรับ "ผู้สูงอายุ" ที่จะมีมากขึ้นในอนาคต จึงไม่ใช่แค่เรื่องของสุขภาพเท่านั้น แต่ต้องมองให้ครบทั้ง 4 มิติ คือ สุขภาพ สังคม เศรษฐกิจ และสภาพแวดล้อม
ปี 2543 เป็นต้นมา ประเทศไทยมี ผู้สูงอายุ ราว 10% ขณะที่ ปี 2565 ผู้สูงอายุเฉลี่ยมากถึง 20% เข้าสู่ สังคมสูงวัย แบบสมบูรณ์ ดังนั้น ต้องมีการเตรียมตัววางแผนรับมือให้ดี เพราะนอกจากผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นแล้ว อัตราการเกิดและคนวัยแรงงานก็ลดลงด้วย วิจัยเชิงลึกในเรื่องนี้จึงมีความสำคัญเพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่จะตามมา
ขณะเดียวกัน การคุ้มครองสวัสดิภาพในกลุ่มคนเปราะบาง เช่น คนในชุมชนแออัด คนไร้บ้าน คนยากจน ฯลฯ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 10% คนกลุ่มนี้ต้องเผชิญปัญหาความยากจน เจ็บป่วย ถูกทอดทิ้ง การผลักภาระไปที่รัฐบาลเพียงอย่างเดียวอาจจะแก้ปัญหาไม่ได้ ชุมชนและภาครัฐต้องช่วยกันดูแลคนกลุ่มนี้ด้วยการส่งเสริมให้อยู่ที่เดิม โดยรัฐอาจมีมาตรการเฉพาะคนกลุ่มนี้ เช่น การปรับปรุงบ้าน การให้บริการสาธารณสุข เป็นต้น
“โครงการรูปแบบที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุไทย” จึงเกิดขึ้นโดย “รศ.ไตรรัตน์ จารุทัศน์” ภาควิชาเคหการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางการออกแบบสภาพแวดล้อมเพื่อทุกคน ได้รับรางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาปรัชญา ประจำปี 2565 จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เพื่อส่งเสริมสุขภาพกาย-ใจ ภายใต้แนวคิดชุมชนที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุ เพื่อส่งเสริมให้เกิดกระบวนการสร้างความร่วมมือ การมีส่วนร่วมระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ ในการวางแผนตามหลักเมืองที่เป็นมิตรต่อผู้สูงวัย และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการสื่อสารที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ
รศ.ไตรรัตน์ เล่าว่า เริ่มต้นทำงานวิจัยเรื่องที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุเมื่อ 25 ปีที่แล้ว จากความพยายามที่จะสร้างบ้านสำหรับผู้สูงอายุให้มีความปลอดภัยตามมาตรฐานคู่มือ แต่ผลสุดท้าย คือ ผู้สูงอายุไม่ย้ายเข้ามาอยู่ จึงสนใจศึกษาว่าเพราะเหตุใดผู้สูงอายุถึงไม่ปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ ทำให้รู้ถึงข้อจำกัดในการเลือกที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุ
“นอกจากสภาพแวดล้อมด้านความปลอดภัยทางกายภาพแล้ว ยังเลือกสภาพแวดล้อมทางสังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อม คือ ต้องอยู่ใกล้ญาติมิตร ชุมชน เดินทางไปมาหาสู่สะดวก ที่สำคัญต้องพึ่งพาตัวเองได้ ซึ่งจะทำให้ผู้สูงอายุเกิดความภูมิใจมากกว่าการต้องพึ่งพาลูกหลาน”
- 4 มิติ สังคมสูงวัย
ช่วงเริ่มต้น “โครงการวิจัยรูปแบบที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุไทย” จะเน้นเรื่องความปลอดภัยทางสภาพแวดล้อมเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม จากกรณีศึกษาของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่ให้งบประมาณแก่กลุ่มผู้สูงอายุเพื่อปรับปรุงบ้าน พบว่า กลุ่มผู้สูงอายุที่มีความเปราะบางไม่ได้นำเงินที่ได้ไปปรับปรุงสภาพแวดล้อมตามกายภาพที่ควรจะเป็น
ทำให้การมองปัญหาในผู้สูงอายุคงมองเรื่องกายภาพเพียงอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องเน้นไปที่ปัญหา 4 ด้าน ได้แก่ เรื่องสุขภาพ สังคม เศรษฐกิจ และสภาพแวดล้อม คือต้องดูแลสุขภาพกายและใจของผู้สูงอายุไปพร้อมๆ กับสร้างงาน สร้างรายได้ เพื่อให้ผู้สูงอายุพึ่งพาตนเองได้ แล้วค่อยปรับบ้านให้ปลอดภัยกับผู้สูงอายุ
- ส่งเสริมการสูงวัยในถิ่นเดิม (Aging in Place)
รศ.ไตรรัตน์ กล่าวต่อไปว่า ปัญหาสำหรับผู้สูงอายุว่าเป็นเรื่องซับซ้อน จึงต้องมีหลายหน่วยงานเข้ามาเกี่ยวข้อง ต้องร่วมมือกันหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน ครอบครัวเพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมในการช่วยกันแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี การจะสร้างแรงจูงใจให้หน่วยงานต่างๆ ร่วมมือพัฒนาพื้นที่ของผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่องนั้น รัฐต้องเปลี่ยนบทบาทจากการสงเคราะห์เป็นพัฒนา
ส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ครอบครัว เป็นผู้ดูแลผู้สูงอายุในชุมชน นำเบี้ยยังชีพมาช่วยสร้างงาน รณรงค์ส่งเสริมการสูงวัยในถิ่นเดิม (Aging in Place) ทั้งในระดับการอยู่อาศัยในบ้านหลังเดิม และในชุมชน เครือญาติเดิม พัฒนาระบบการดูแลที่บ้านในชุมชน (Home & Community Healthcare) ดูแลทั้งสุขภาพอนามัย ชีวิตความเป็นอยู่และสภาพแวดล้อม
ส่งเสริมให้เอกชน ผลิตสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุและคนพิการ โดยใช้มาตรการการส่งเสริมการลงทุน การลดภาษี ส่งเสริมให้ครอบครัวที่มีผู้สูงอายุและคนพิการ สามารถจัดซื้อและติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุและคนพิการ สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ รวมถึงส่งเสริมให้เอกชนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุที่มีความต้องการเฉพาะ หรือกลุ่มที่มีความจำเป็นจริงๆ
- ตอบโจทย์สังคม จากหิ้งสู่ห้าง
จากการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุมากกว่า 20 ปี ทำให้มีผลงานวิจัยจำนวนมาก แบ่งออกเป็น “งานวิจัยขั้นพื้นฐาน” เช่น มาตรฐานขั้นต่ำสำหรับที่พักอาศัยและสภาพแวดล้อมของผู้สูงอายุไทย การพัฒนาต้นแบบสภาพแวดล้อมทางกายภาพ และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุของสถานบริการสาธารณสุข ฯลฯ “งานวิจัยประยุกต์” เช่น การปรับสิ่งอำนวยความสะดวกของเมืองพัทยาเพื่อรองรับผู้สูงอายุและคนพิการ
โครงการการออกแบบชุมชนน่าอยู่ผู้สูงวัยสำหรับผู้สูงอายุในชนบท และการปรับปรุงและพัฒนาต้นแบบที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุในชนบท การส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวลวัยกลาง และวัยปลาย ซึ่งได้รับทุนวิจัยจากโครงการส่งเสริมการทำงานวิจัยเชิงลึกในสาขาวิชาที่มีศักยภาพสูง การศึกษาและพัฒนานโยบาย เครื่องมือ และต้นแบบที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุและผู้ทุพพลภาพ การศึกษาพฤติกรรมการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุที่มีอายุยืนของประเทศ ฯลฯ
“ผลงานวิจัยที่ผ่านมาเป็นงานที่ตอบโจทย์เชิงสังคมและชุมชน สามารถนำไปใช้ได้จริงโดยได้ริเริ่มแนวคิดสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ คนพิการหรือที่เรียกว่า หลักการออกแบบเพื่อทุกคน นักวิจัยรุ่นหลังสามารถนำเอาแนวคิดนี้ไปพัฒนาต่อยอดเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ เรากำลังผลักดันให้รัฐบาลและภาคเอกชนสนใจในเรื่องนี้เพื่อปรับธุรกิจในการรองรับสังคมสูงวัยซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน”
“เราทำวิจัยเกี่ยวกับผู้สูงอายุและคนพิการต่อเนื่องมากว่า 20 ปี ครอบคลุมผู้สูงอายุทุกกลุ่มทั้งในเมืองหรือชนบท ผู้สูงอายุวัยต้น วัยกลาง วัยปลาย จนถึงผู้สูงอายุที่มีอายุ 100 ปี งานวิจัยของเราเน้น “จากหิ้งสู่ห้าง” มีการนำไปใช้จริง โดยมีบ้านต้นแบบต้นแบบที่นำไปประยุกต์ใช้กับพื้นที่ที่เหมาะสมได้ แผนการทำงานวิจัยในอนาคต เน้นการทำวิจัยแบบสหสาขาวิชา ผลงานวิจัยที่จะดำเนินการต่อไป คือ โครงการวิจัยพัฒนาระบบต้นแบบรองรับสังคมสูงวัยในบริบทของชุมชนเมือง ภาคใต้และภาคตะวันออก” รศ.ไตรรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย
- บ้าน – ชุมชน เหมาะสำหรับสูงวัย
ลักษณะที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ ต้องมีความปลอดภัย มีพื้นเรียบเสมอกันทั้งในบ้านและห้องน้ำ มีราวจับ พื้นไม่ลื่น ที่อยู่อาศัยมีแสงสว่างเพียงพอ ประตูที่ใช้เป็นบานเลื่อน ก๊อกน้ำลูกบิดประตูเป็นก้านโยก ช่องทางเดินมีความกว้าง 90 เซนติเมตร หน้าต่างบานลึก มีแสงสว่าง มองเห็นสวนและต้นไม้ นอกจากนี้ พื้นที่ในบ้านไม่ควรใหญ่เกินไปเพื่อง่ายต่อการบำรุงรักษา มีพื้นที่เก็บของเพื่อให้ไม่รกเกะกะ ก่อให้เกิดปัญหาพลัดตกหกล้ม
ขณะเดียวกัน ชุมชนที่เป็นมิตรกับผู้สูงวัย ก็มีความสำคัญเช่นกัน ชุมชนที่เป็นมิตรกับผู้สูงวัยเป็นแนวคิดขององค์การอนามัยโลก (WHO) เพื่อให้ผู้สูงวัยอยู่ในชุมชนได้อย่างเป็นสุข เป็นมิตรกับทุกคน ทุกวัย ทุกสภาพแวดล้อม ประกอบด้วย 3 ด้าน คือ ด้านกายภาพ เริ่มจากบ้านต้องปลอดภัย มีการเดินทางที่สะดวกสบาย
มีพื้นที่สาธารณะที่ดี สามารถเข้าถึงได้ ด้านสังคม ต้องมีการมีส่วนร่วมทางสังคม นอกจากนี้ยังต้องมีการบริการพื้นฐาน ผู้สูงอายุต้องเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร มีบริการทางด้านสุขภาพ สิ่งอำนวยความสะดวก และระบบเศรษฐกิจที่สนับสนุนผู้สูงอายุอีกด้วย