สธ. เผย ปี 65 ป่วย "ไข้เลือดออก" แล้ว 305 ราย ตาย 2 ราย
"กรมควบคุมโรค" กระทรวงสาธารณสุข เผย 1 ม.ค. – 9 ก.พ. 65 พบผู้ป่วย "ไข้เลือดออก" จำนวน 305 ราย เสียชีวิต 2 ราย กทม. พบมากที่สุด โดยสุงวัย โรคเรื้อรัง กลุ่มเสี่ยงเสียชีวิต
เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 65 กรมควบคุมโรค เผยแพร่ “พยากรณ์โรค" และภัยสุขภาพรายสัปดาห์ ฉบับที่ 7/2565 ประจำสัปดาห์ที่ 8 (วันที่ 20 - 26 ก.พ. 65) จากการเฝ้าระวังสถานการณ์โรค "ไข้เลือดออก" ในปี 2565 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 9 กุมภาพันธ์ พบผู้ป่วย จำนวน 305 ราย เสียชีวิต 2 ราย ผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมาจำนวน 112 ราย
กลุ่มอายุพบมากที่สุด คือ อายุ 5-14 ปี รองลงมา อายุ 15-24 ปี จังหวัดที่พบผู้ป่วยมากที่สุด คือ กรุงเทพมหานคร โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกที่สำคัญ ได้แก่ มีโรคประจำตัว และการได้รับยา NSAIDs (Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drugs)”
สูงวัย เสี่ยงเสียชีวิต
การพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพของสัปดาห์นี้ คาดว่าในช่วงนี้มีโอกาสพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเพิ่มขึ้นทุกภาคทั่วประเทศ เนื่องจากมีฝนตกในหลายพื้นที่ ทำให้เกิดน้ำขังตามภาชนะและวัสดุต่างๆ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของลูกน้ำยุงลาย ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคไข้เลือดออก
โดยส่วนใหญ่กลุ่มผู้ป่วยที่พบในช่วงนี้เป็นเด็กวัยเรียน แต่ผู้ที่ติดเชื้อโรคไข้เลือดออกและเสี่ยงต่อการเสียชีวิตคือ กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง และกลุ่มผู้ที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์
3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค
กรมควบคุมโรค จึงขอความร่วมมือประชาชนสำรวจแหล่งน้ำขังที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายบริเวณรอบบ้าน ตามมาตรการ “3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค” คือ
1. เก็บบ้านให้ปลอดโปร่ง ไม่มีบริเวณอับทึบให้ยุงลายเกาะพัก
2. เก็บขยะที่อยู่บริเวณรอบบ้าน เก็บเศษภาชนะที่ไม่ต้องการทิ้งไว้ในถุงดำมัดปิดปากถุง และนำไปทิ้งลงถังขยะ เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง
3. เก็บน้ำ ภาชนะที่ใส่น้ำเพื่ออุปโภคบริโภค ต้องปิดฝาให้มิดชิด ล้างคว่ำภาชนะไม่ใช้ และเปลี่ยนน้ำในกระถางหรือแจกันทุกสัปดาห์ ใส่ทรายกำจัดลูกน้ำหรือปล่อยปลากินลูกน้ำในภาชนะที่ปิดฝาไม่ได้ ป้องกันไม่ให้ยุงลายวางไข่
ป้องกันยุงกัด ลดเสี่ยง 3 โรค
รวมถึง เน้นการป้องกันไม่ให้ยุงกัด โดยทายากันยุง และนอนในมุ้ง ซึ่งสามารถป้องกันได้ 3 โรค คือ
1. โรคไข้เลือดออก
2. โรคติดเชื้อไวรัสซิกา
3. โรคไข้ปวดข้อยุงลายหรือโรคชิคุนกุนยา
เลือกพาราเซตามอน ลดไข้
ทั้งนี้ หากประชาชนมีอาการป่วย เช่น มีไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หายใจเหนื่อยหอบ เบื่ออาหาร ปวดท้อง ซึ่งอาจมีลักษณะคล้ายกันหลายโรค ทั้งไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก และโรคโควิด 19 ขอให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย 100% รับประทานยาลดไข้ 1-2 วัน โดยให้เลือกรับประทานยาแก้ไข้พาราเซตามอล
หลีกเลี่ยงการรับประทานยากลุ่มเอ็นเสด เช่น ยาไอบูโปรเฟน แอสไพริน หรือยาแก้ปวดไดโคลฟีแนค เพราะถ้าหากเป็นไข้จากโรคไข้เลือดออก ยากลุ่มนี้จะมีฤทธิ์ระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหารส่งผลทำให้การรักษายุ่งยากและเสี่ยงต่อการทำให้มีอาการหนักมากยิ่งขึ้น หากทานยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น ให้รีบไปพบแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยโรคหาสาเหตุว่าเกิดจากโรคอะไรและรับการรักษาต่อไป
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน กรมควบคุมโรค โทร.1422