มหาวิทยาลัยในยุค "Metaverse" ต้องเรียนอะไร? มหาวิทยาลัยจริงจำเป็นหรือไม่
โลกที่ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยมีเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญที่ส่งผลให้ทุกภาคส่วนต้องปรับเปลี่ยนตัว ไม่ว่าจะอยู่ใน กลุ่มนักธุรกิจ ผู้ระกอบการ คนวัยทำงาน คนรุ่นใหม่ ล้วนต้องเรียนรู้กระบวนการทำงานที่ต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้มากขึ้น
ว่ากันว่า “Metaverse” เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จะเข้ามาปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์การสื่อสารทางสังคมและการเรียนรู้และเสริมต่อประสบการณ์ให้ผู้คนเข้าสู่โลกความเป็นจริงที่อาจไม่เคยหรือไม่สามารถได้พบเห็นผ่านโลกเสมือน
โดยผู้ที่อยู่ใน Metaverse จะสร้างอวตารหรือ “ตัวตน” ในรูปลักษณ์ที่พอใจ มีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม สัมผัสวัตถุและบรรยากาศด้วยกราฟิกที่มีมิติจากบริบทสิ่งแวดล้อม เป็นการการเชื่อมโยงตัวตนและชีวิตบนสังคมเสมือนจริง ซึ่งจะช่วยเพิ่มพูนประสบการณ์หลายอย่างที่โลกความเป็นจริงอาจพาไปไม่ได้หรือไม่ทั่วถึง
Metaverse ช่วยทำให้สิ่งที่เป็นนามธรรม จับต้องและเข้าใจยาก กลายมาเป็นภาพเสมือนจริงที่สัมผัสและจับต้องได้ การเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ทั้งวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ และสิ่งแวดล้อมก็จะเข้าใจได้ง่ายขึ้นและเกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ทำให้การผลิตทรัพยากรบุคคลเพื่อก้าวทันนวัตกรรม เทคโนโลยีที่เกิดขึ้น ทำให้หลายมหาวิทยาลัย ต้องปรับหลักสูตร การเรียนการสอน เพิ่มเพิ่มทักษะให้เหมาะกับการทำงานในโลก "Metaverse"
- เตรียมทักษะให้พร้อม ก้าวสู่โลก Metaverse
ดร.อักฤทธิ์ สังข์เพ็ชร ผู้อำนวยการโครงการ Carnegie Mellon-KMITL มหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล กล่าวว่า โควิด-19 ช่วยพัฒนาเทคโนโลยีดิจิตอลให้เกิดขึ้นได้มากขึ้น หลายหน่วยงานมีการทรานฟอร์ม ซึ่งในส่วนของมหาวิทยาลัยได้มีการปรับตัวอย่างกว้างขวาง นักศึกษา 1-2 ปีที่ผ่านมา แม้จะไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัย แต่สามารถเรียนรู้ได้ตลอดเวลา
ตอนนี้มีการนำเครื่องมือมาใช้ในการเรียนการสอน รวมถึงในภาคธุรกิจก็มีการนำเครื่องมือดิจิตอลมาใช้ในการทำงานมากขึ้น ให้ทุกภาคธุรกิจ ไปใช้ และทำให้เกิดความก้าวกระโดดมากขึ้น
เมื่อก่อน นักศึกษาป.ตรีมีประมาณ 2.7 แสนคน แต่ตอนนี้ มีไม่ถึง 1.8 แสนคน ขณะที่ภาคอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจต้องการคนด้านดิจิตอลมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันแรงงานไทยมีทักษะดิจิตอล เกิน 50% อยู่แล้ว และแรงงาน 48-49% ต้องการมีทักษะดิจิตอลเพิ่มเติม เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการทำงาน
"Metaverse" ทำให้คนมีความรู้ด้านดิจิทัล มากขึ้น ซึ่งในอนาคตทุกธุรกิจต้องเข้าสู่ Metaverse จะต้องการคนออกแบบดิจิทัลที่สวยงาม ซึ่งอาจต้องมีพื้นฐานเรื่องของ 3D ด้วย
ทักษะที่จำเป็นในยุค Metaverse ที่ควรมี อาทิ
- ทักษะด้านการเขียนโค้ด
- การเขียนโปรแกรม
- ทักษะด้าน AI
- กราฟิกดีไซน์
- การออกแบบ
- ความรู้ด้านสกุลเงินดิจิทัล NFT
- Blockchain
- ทักษะการวิเคราะห์
- การวางแผนกลยุทธ์
- ทักษะการสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
ดังนั้น ใครที่ต้องการจะประสบความสำเร็จในอนาคต ไม่ควรพลาดที่จะมีสกิลเหล่านี้ติดตัวไว้ รับรองว่าใช้หาเงินในโลกของ Metaverse เพราะการทำงานจะต้องเป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีกับกระบวนการทำงาน
- Metaverse ข้ามพรมแดนการเรียนรู้
ศ.ดร.ใจทิพย์ ณ สงขลา อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ สาขาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าในโลก Metaverse ผู้เรียนจะได้ไปและได้ทำในสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ในสภาพกายภาพจริง เช่น การทดลองวิทยาศาสตร์ที่มีความเสี่ยง หรือการเดินทางทัศนศึกษาในที่ห่างไกลและยากจะไปได้ในความเป็นจริง เช่น การผจญภัยในป่าอเมซอน หรือการดำน้ำลงดูประการังที่เกาะฟิจิ เป็นต้น
นอกจากนั้น Metaverse ยังช่วยจำลองโลกเสมือนจริงและสร้างสถานการณ์จำลองให้ผู้เรียนได้ฝึกฝนทักษะเบื้องต้นบางอย่างจนเกิดเป็นความชำนาญได้อีกด้วย (Mastery Learning) เช่น การเข้าสู่สภาพในอวกาศ ดวงดาวอื่น หรือ ได้ฝึกงานร่วมกับผู้มีความสามารถในระดับโลก แม้กระทั่งการออกแบบเสื้อผ้าและเปิดร้านให้ผู้ซื้อต่างชาติได้พบผู้ขายจริง (เสมือน)และได้ทดลองใส่(เสมือน)ก่อนสั่งซื้อจริง
“เราสามารถเดินทางหรือติดต่อสื่อสารกับคนที่อยู่ห่างไกล ยกตัวอย่างเช่น เราสามารถจำลองห้องเรียนเสมือนที่ไทย แต่ได้ความรู้สึกเหมือนไปนั่งเรียนที่ต่างประเทศ ไม่ว่ายุโรป อเมริกา แม้จะไกลแค่ไหนก็สามารถจำลองพื้นที่นั้นให้กลายเป็นชุมชน (Community) การศึกษาร่วมกันข้ามประเทศได้”
- มหาวิทยาลัยต้องปรับตัวสู่อนาคต
ศ.ดร.ใจทิพย์ กล่าวต่อไปว่าการเรียนรู้ของมนุษย์ใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ซึ่ง Metaverse ไม่ให้ได้ทั้งหมด เช่น การรับรส กลิ่น เสียง เป็นต้น บรรยากาศที่สร้างขึ้นจากกราฟิกย่อมไม่มีรสชาติ ไม่เหมือนของจริง 100% จึงไม่อาจทดแทนการเรียนรู้กับโลกในความเป็นจริงได้ทั้งหมด
ดังนั้น Metaverse จึงเป็นทางเลือกเสริม ไม่ใช่การทดแทนโรงเรียนเลยเสียทีเดียว นอกเสียจากว่า จะจัดนิเวศในการรับรู้ ให้ตอบสนองสัมผัสทั้งห้า
ปัจจุบัน มีพื้นที่แซนด์บ็อก (Sandbox) ที่เริ่มปฏิบัติการใช้เทคโนโลยี Metaverse หลายแห่งในสหรัฐอเมริกา รวมถึงมีเว็บไซต์และผู้ประกอบการที่เริ่มให้บริการระบบ Metaverse แล้ว เช่น Spatial และ Metaverse Studio หรือ Koji & Metaverse นั่นหมายความว่า โลกเสมือนกำลังเข้ามาใกล้โลกความเป็นจริงขึ้นทุกที
“เราควรเปิดใจรับเทคโนโลยีใหม่ๆ หมั่นค้นคว้าข้อมูลใหม่ๆ อยู่เสมอ Metaverse ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่ก็เป็นดาบสองคมได้ ดังนั้น เราควรทำความเข้าใจและมีสติสัมปชัญญะในการใช้งานสิ่งนี้ รู้จักแยกแยะความจริงและภาพเสมือน”
โลกในยุคดิสรัปชันเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว Metaverse ที่กำลังเข้ามาในพื้นที่ชีวิตจริงของเราจะเปลี่ยนโฉมชีวิต New Normal ไปอีกแค่ไหนก็ยังไม่แน่ชัด แต่ในแวดวงการศึกษา
ศ.ดร.ใจทิพย์ เน้นว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือการเตรียมผู้เรียนให้มีความสามารถ เท่าทันเทคโนโลยีและการใช้ชีวิตทั้งในโลกเสมือนและโลกแห่งความเป็นจริง
- ธรรมศาสตร์ ตั้ง “วิทยาเขต” โลกเสมือน
รศ.เกศินี วิฑูรชาติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่าในโอกาสครบรอบ 88 ปีขณะนี้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เตรียมเปิดวิทยาเขตแห่งที่ 5 ที่เรียกว่า “Thammasat Metaverse Campus” ที่จะให้บริการทางการศึกษาแก่ผู้คนทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกบนแพลทฟอร์ม T-Verse
ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ งานวิจัย รวมทั้งนวัตกรรมต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว จึงหวังเป็นอย่างยิ่งที่ทุกฝ่ายจะเข้ามาร่วมกันสร้างแพลทฟอร์มแห่งนี้ เพื่อที่จะใช้ประโยชน์ร่วมกัน ในการพัฒนาศักยภาพของทุกคน
ทั้งนี้ วิทยาเขตที่ตั้งอยู่บนโลกเมตาเวิร์ส ภายใต้แพลตฟอร์ม T-Verse ซึ่งภายใน Thammasat Metaverse Campus จะตอบโจทย์ใน 4 ด้าน ได้แก่
- Immersive Learning Classrooms ที่จะยกระดับประสบการณ์การเรียนการสอนรูปแบบใหม่
- VR Museum of History, Culture and Democracy นอกจากการเรียนวิชาการแล้ว ยังมุ่งเน้นการเรียนการสอนนอกห้องเรียน จากประสบการณ์ที่ได้รับบนเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง หรือ Virtual Reality (VR) Technology
- Next Generation Omnichannel Marketplace
- 88 Sandbox Spaces เป็นการต่อยอด 88 Sandbox ที่เป็นโครงการบ่มเพาะธุรกิจสตาร์ทอัพให้เป็น Next Unicorn ของประเทศ โดยภายใน Thammasat Metaverse Campus
- DPU อัพหลักสูตรตอบโจทย์คนยุคโลกเสมือน
ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เปิดเผยถึงการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยท่ามกลางความท้าทายในโลกการเรียนรู้และเทคโนโลยีว่าจากบทบาทของสถาบันการศึกษาต้องปรับตัวตามเทรนด์ของโลกให้ทันซึ่ง DPU เดินหน้าทำงานอย่างมุ่งมั่นในกระแสการเปลี่ยนแปลงนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่กำลังเปลี่ยนผ่านจาก Web2 ไป Web3 ที่การทำงานจะขับเคลื่อนไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง AI หรือ Artificial Intelligence รวมถึง Blockchain
ทาง DPU กำลังเดินหน้าเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้ให้กับนักศึกษาและมหาวิทยาลัยผ่านหลักสูตร ทักษะที่จำเป็น ตลอดจนความพร้อมของ Ecosystem ที่จะรองรับการเรียนการสอนในอนาคต
ล่าสุด DPU ได้มีการมอบปริญญาบัตรในรูปแบบของ NFT (Non-Fungible Token) นับเป็นก้าวแรกของ DPU ในการเดินหน้าไปสู่โลกของ Metaverse อย่างแท้จริง โดยเปิดให้นักศึกษาที่มีวอลเล็ตดาวน์โหลดและยื่นเอกสารได้เป็นครั้งแรกตั้งแต่มีนาคม 2565
ผู้ที่จบการศึกษาไปแล้วก็สามารถมาลงทะเบียนรับปริญญาในรูปแบบของ NFT ได้เช่นกัน โดยมีการร่วมมือด้านระบบการออกปริญญาบัตรแบบ NFT กับ SmartContract Blockchain Studio และ บริษัท ไอเพ็น สตูดิโอ จำกัด
- “DPU Core” 6 ทักษะจำเป็นใน Metaverse
โดยแนวทางการพัฒนาของ DPU กับการก้าวเข้าสู่ Web3 มีการเตรียมความพร้อม และก้าวไปทีละขั้น ตั้งแต่การเรียนการสอนภายในมหาวิทยาลัยที่ก่อนหน้านี้มีการปรับหลักสูตรที่เรียกว่า DPU Core ประกอบด้วย
6 ทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานในโลกอนาคต ได้แก่ ทักษะการเป็นผู้ประกอบการ ทักษะการสื่อสาร ทักษะการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา ทักษะการคิดสร้างสรรค์ ทักษะการทำงานเป็นทีม และ ทักษะความรอบรู้เรื่องเทคโนโลยี เพื่อให้เกิดเป็นองค์ความรู้และนำไปสู่การปฏิบัติจริง
พร้อมกันนี้ก็ได้ปรับการเรียนแบบโมดูล (Module) มีการจัดกลุ่มวิชาที่รวมเอาองค์ความรู้จากหลายคณะมาร่วมกันสอนแบบบูรณาการ ซึ่งความรู้ที่นักศึกษาได้เรียนรู้ไปในแต่ละโมดูลถูกจัดเก็บในรูปแบบของ NFT
ในปีนี้มหาวิทยาลัยจะมีการเตรียมความพร้อมที่จะปรับรูปแบบการเรียนการสอนหรือกิจกรรมบางส่วน ขึ้นไปอยู่บน Metaverse Platform เพื่อให้นักศึกษามีโอกาสสัมผัสเทคโนโลยีใหม่ซึ่งกำลังจะเข้ามาเปลี่ยนหลาย ๆ อย่างบนโลกใบนี้
นอกจากนี้ DPU ได้จับมือร่วมกับหลากหลายพันธมิตรจากหลายธุรกิจ ในการสร้าง D.OASIS Metaverse Platform เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและการต่อยอดองค์ความรู้ใหม่ ๆ เพื่อสร้าง Ecosystem สู่ Web3 และ Metaverse ประกอบด้วย J Ventures, Index Creative Village, Eventpass, Warrix, Prakit Holdings, มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) และอีกหลากหลายองค์กร
โดยมีเป้าหมายขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นหนึ่งในผู้นำด้าน Web3 และ Metaverse ของเอเชีย ประเดิมด้วยการเผยแพร่ความรู้ในหัวข้อ What is metaverse? และ Crypto Tax Clinic ในเดือนมีนาคมนี้ และหลักสูตรระยะสั้น Metaverse Developer ที่จะเปิดสอนเดือน เม.ย. นี้
- แนะธุรกิจปรับ Business Model ครั้งใหญ่
ผศ.ดร.ศิริเดช คำสุพรหม คณบดีวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์(มธบ.) หรือ DPU เปิดเผยว่า โลก Metaverse หรือ โลกเสมือนที่ผสานเข้ากับโลกจริงได้อย่างลงตัว ได้เขย่าให้ธุรกิจทุกวงการต้องสั่นสะเทือนอย่างหนัก เพราะองค์ประกอบหลักของเทคโนโลยีนี้ ได้รับแรงขับเคลื่อนมาจากกิจวัตรประจำวันของคน
อาทิ การสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย การซื้อขายสินค้า การสร้างความบันเทิง และในอนาคตก็อาจจะเกิดวิถีใหม่ในการปฏิสัมพันธ์และการทำธุรกรรมต่างๆ อีกด้วย แม้ Metaverse เป็นการนำเทคโนโลยีต่างๆ มาเชื่อมโยงเพื่อให้เห็นภาพเสมือนจริง โลกเสมือนจริงดังกล่าวอนุญาตให้ทุกบริษัทสามารถนำเทคโนโลยีนี้มาปรับใช้
รวมถึงพัฒนาจุดเด่นของตนเองเพื่อต่อยอดธุรกิจตามเทรนด์ผ่านการซื้อแผนที่ (Map) เพื่อนำองค์กรไปสู่การตลาดรูปแบบใหม่ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น The Sandbox (SAND), Decentraland (MANA), Solana (SOL), Cardano (ADA) หรือแม้แต่ Metaverse Thailand และอีกหลาย ๆ แพลตฟอร์ม เป็นต้น
“ธุรกิจต้องรีบปรับแผนธุรกิจแบบ Real Time เพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์และเพิ่มช่องทางการตลาดให้ทันคู่แข่ง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เช่น ซุปเปอร์มาเก็ต Walmart ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกใหญ่ที่สุดของโลก ได้นำ Metaverse มาสร้างช่องทางการซื้อแบบ Virtual ลูกค้าที่เข้ามาจับจ่ายซื้อของไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน และได้รับความรู้สึกการ Shopping ที่เสมือนจริงได้ นี้อาจจะเป็นตัวอย่างของธุรกิจที่ปรับตัวตามพฤติกรรมของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี” ผศ.ดร.ศิริเดช กล่าว
อย่างไรก็ตาม Metaverse ไม่ได้เกิดขึ้นมาเพื่อแข่งขันกับอินเทอร์เน็ต แต่เป็นการต่อยอดจากเดิม โดยเมตาเวิร์สจะทำให้คุณเข้าไปอยู่ในโลกเสมือนจริงที่เลียนแบบทุกแง่มุมในการใช้จริง โดยใช้เทคโนโลยีจำลองสภาพแวดล้อมจริงเข้าไปให้เสมือนจริง (VR) เทคโนโลยีโลกเสมือนผสานโลกแห่งความจริง (AR) รวมทั้งการใช้ AI บนโซเชียลมีเดีย และสกุลเงินดิจิทัล
พูดสั้นๆ คือ อินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งที่ผู้คน เรียกดู แต่เมตาเวิร์สเป็นสิ่งที่คุณสามารถเข้าไป“มีชีวิตอยู่” ในโลกเสมือนจริง และเชื่อว่า ในอนาคตจะพัฒนาให้เกิดความเสมือนจริงครบทุกมิติ