"หมอธีระ" เตือน Long COVID เป็น Aftershock ใหญ่ที่ต้องเตรียมรับมือ

"หมอธีระ" เตือน Long COVID เป็น Aftershock ใหญ่ที่ต้องเตรียมรับมือ

"หมอธีระ" เตือน Long COVID เป็น Aftershock ใหญ่ที่ต้องเตรียมรับมือหลังการระบาดใหญ่ของโควิด-19 เพราะโรคเรื้อรังต่างๆ จะมีโอกาสเกิดขึ้นในคนจำนวนมาก

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2565 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ หรือ "หมอธีระ" คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 496,818 คน ตายเพิ่ม 1,238 คน รวมแล้วติดไป 606,941,873 คน เสียชีวิตรวม 6,491,140 คน

5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุด คือ

  1. ญี่ปุ่น
  2. เกาหลีใต้
  3. รัสเซีย
  4. ไต้หวัน
  5. อิตาลี

เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 8 ใน 10 อันดับแรก และ 17 ใน 20 อันดับแรกของโลก

จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 89.91 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 77.94

สถานการณ์ระบาดของไทย

จากข้อมูล Worldometer เช้านี้พบว่า

จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 13 ของโลก และอันดับ 5 ของเอเชีย แม้สธ.ไทยจะปรับระบบรายงานตั้งแต่ 1 พ.ค.จนทำให้จำนวนที่รายงานนั้นลดลงไปมากก็ตาม

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

อัพเดตความรู้โควิด-19

1. "การฉีดวัคซีนให้ครบจะช่วยลดโอกาสแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้ด้วย"

ทีมงานวิจัยจาก UCSF ประเทศสหรัฐอเมริกา ศึกษาในเรือนจำ 35 แห่งในรัฐแคลิฟอร์เนีย

พบว่าคนที่ติดเชื้อแต่มีประวัติได้รับวัคซีนครบจะช่วยลดโอกาสในการแพร่เชื้อได้ 24% (ช่วงความเชื่อมั่นตั้งแต่ 9%-37%)

งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่าการฉีดวัคซีนนั้นนอกจากจะได้ประโยชน์ในการลดความเสี่ยงต่อการป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตของตนเองแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นด้วย

เกิดประโยชน์ทั้งต่อตัวเราเองและคนรอบข้างที่ใกล้ชิด

2. "Long COVID เป็น Aftershock ใหญ่ที่ต้องเตรียมรับมือ"

ความรู้ทางการแพทย์ปัจจุบันฟันธงชี้ชัดว่า ปัญหา Long COVID นั้นเกิดขึ้นจริง และสร้างผลกระทบมหาศาล ทั้งต่อสุขภาพ คุณภาพชีวิต การทำงาน และค่าใช้จ่าย

กลไกการทำให้เกิดพยาธิสภาพในร่างกาย จนมีอาการผิดปกติในหลากหลายอวัยวะนั้น เกิดได้จากทั้งการที่ถูกทำลายโดยตรงจากไวรัส, กระบวนการอักเสบเรื้อรัง, การเสียสมดุลของเชื้อโรคในร่างกายจนนำไปสู่การทำงานผิดปกติของอวัยวะ ฯลฯ

โดยที่งานวิจัยในระยะหลัง มีมากขึ้นเรื่อยๆ ที่บ่งชี้ไปถึงการคงค้างของเชื้อหรือชิ้นส่วนของเชื้อในอวัยวะต่างๆ และการเกิดกระบวนการอักเสบเรื้อรัง เพราะตรวจพบสารเคมีในเลือดที่สัมพันธ์กับกระบวนการอักเสบ

ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกต่างออกมาเรียกร้องให้แต่ละประเทศเตรียมรับมือกับ Long COVID โดยจะเปรียบเหมือนอาฟเตอร์ช็อคที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังการระบาดใหญ่ของโควิด-19 เพราะโรคเรื้อรังต่างๆ จะมีโอกาสเกิดขึ้นในคนจำนวนมาก

แม้โอกาสเกิด Long COVID 5-30% จะดูเป็นตัวเลขไม่มาก หรือภาวะผิดปกติรุนแรงเรื้อรังอาจคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อย แต่เมื่อมีจำนวนคนติดเชื้อทั่วโลกหลายร้อยล้านคน จำนวนผู้ป่วยจริงที่เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ก็มีโอกาสที่จะสูงมากเกินกว่าระบบสุขภาพของแต่ละประเทศจะให้การดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังเกิดผลกระทบต่อทั้งระบบการทำงานที่จะขาดแคลนคน ผลิตภาพโดยรวมลดลง รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นตามมาทั้งต่อผู้ป่วย ครอบครัว และประเทศ

ล่าสุด ข้อมูลจาก Nomi Trends in Spend Tracker ได้ออกรายงานวิเคราะห์การเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพจำนวนกว่า 20 ล้านครั้งในสหรัฐอเมริกา พบว่า ในครึ่งปีแรกของ 2022 นี้ Long COVID ทำให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคน สูงกว่าโรคเบาหวานถึง 26%

...ประเทศไทยเราก็เช่นกัน มีคนที่ติดเชื้อจำนวนมากในช่วงสองปีที่ผ่านมา การวางแผนเตรียมตัวรับมือล่วงหน้าเป็นเรื่องจำเป็น

เหนืออื่นใด การป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอเป็นเรื่องสำคัญ

ใส่หน้ากากอย่างถูกต้องจะช่วยลดความเสี่ยงไปได้มาก