Internet of Cars

Internet of Cars

อัพเดตเทคโนโลยีภายในรถยนต์ สามารถ “คุย” หรือสื่อสารกับผู้ขับขี่หรือผู้โดยสาร ผ่านระบบใหม่ที่เรียกว่า Sprint Velocity

เทคโนโลยี Internet of Things หรือบางครั้งเรียกย่อๆว่า IoT นอกจากมีแนวคิดเรื่อง Smart Home ซึ่งเชื่อมต่อระบบอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านกับเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ยังมีอีกที่หนึ่งที่เราใช้ชีวิตกับมันไม่น้อยไปกว่าบ้านก็คือ บนรถยนต์

จากสถิติของผมเอง ผมใช้เวลาอยู่บนรถทุกวันเฉลี่ยวันละประมาณ 4 ชั่วโมง หรือประมาณหนึ่งในสามของเวลากลางวัน มันคงดีไม่น้อยถ้ารถยนต์ของเราจะสามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต และสามารถสื่อสารกับอุปกรณ์ต่างๆ รอบๆตัวเรา

รถยนต์รุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบันผลิตออกมาจากโรงงานก็ประกอบไปด้วยเซ็นเซอร์ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์มากมายบนรถยนต์ รถยนต์บางยี่ห้ออย่างเช่น GM มีระบบเชื่อมต่อแบบไร้สายบนรถยนต์มานานกว่า 10 ปีแล้วเรียกว่าบริการ OnStar เพื่อให้ผู้ขับสามารถโทรศัพท์โดยไม่ต้องถือหู มีระบบนำทาง และระบบขอความช่วยเหลือแบบฉุกเฉิน รวมทั้งสามารถสั่งให้รถยนต์ดับเครื่องแบบอัตโนมัติแบบทางไกล โดยต้องเสียค่าบริการแบบรายเดือน

ในปีนี้ GM ประกาศว่าจะเริ่มใช้ระบบ 4G ในบริการของตน ซึ่งจะมีช่องสัญญาณเพียงพอที่จะสามารถดาวน์โหลดภาพยนตร์ผ่านระบบบริการมาดูได้บนรถยนต์เลยทีเดียว ในปัจจุบันบริการแบบนี้มีให้บริการในรถยนต์หลายยี่ห้อ รวมทั้ง Ford ซึ่งก็มีระบบคล้ายๆกันเรียกชื่อว่า Sync ซึ่งสามารถเชื่อมต่อรถยนต์กับโทรศัพท์มือถือของผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้

ล่าสุดผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ได้ร่วมมือกับบริษัท IBM เพื่อสร้างโปรแกรมแอพริเคชั่นบนมือถือที่สามารถ “คุย” หรือสื่อสารกับรถยนต์ผ่านหน้าปัดบนรถยนต์ได้ และเรียกระบบใหม่นี้ว่า Sprint Velocity

มันจะเป็น platform ใหม่สำหรับการสื่อสารระหว่างรถยนต์และอุปกรณ์สื่อสารโดยเฉพาะ Smartphone ของผู้ขับขี่ มันสามารถส่งข้อมูล เช่น เส้นทางการเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางจากโทรศัพท์มือถือของเราไปยังจอภาพและระบบนำทางของรถยนต์และไปปรากฏบนหน้าปัดรถยนต์ได้ทันที สามารถสั่งให้รถยนต์เปิดระบบปรับอากาศเพื่อปรับอุณหภูมิในรถยนต์ก่อนที่เราจะไปถึงรถยนต์ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ หรือสามารถระบุตำแหน่งที่จอดรถยยนต์ของเราในลานจอดรถผ่านทางโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น

ทั้งหมดนี้ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Machine-to-machine communication หรือการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์โดยไม่ต้องอาศัยมนุษย์นั่นเอง นอกจากการสื่อสารระหว่างรถยนต์กับผู้ขับขี่ IBM ยังมีอีกแอพริเคชั่นที่เรียกว่า MobileFirst ซึ่งจะจัดการสื่อสารระหว่างรถยนต์กับสิ่งที่อยู่รอบข้างด้วย เช่น เมื่อเกิดเหตุการณ์รถยนต์ของเราขับลื่นไถลบนถนนเนื่องจากน้ำมันหกบนถนน รถยนต์ของเราจะแจ้งเตือนไปยังศูนย์ควบคุมจราจรโดยอัตโนมัติว่าให้รถยนต์คันอื่นๆ ที่ตามมาระมัดระวัง

นอกจากนี้ล่าสุดบริษัท Verizon ร่วมมือกับ Delphi ได้เปิดตัว Delphi Connect ระบบที่สามารถรายงานสภาพและปัญหาเครื่องยนต์ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ทำให้เราสามารถคุยและรู้สภาพเครื่องยนต์ได้โดยตรงไม่ต้องอาศัยช่างซ่อม สามารถสั่งให้รถยนต์ติดเครื่องหรือดับเครื่องยนต์ผ่านทางมือถือ และยังเป็น Wi-Fi Hotspot ให้อุปกรณ์สื่อสารทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น tablet กล้องถ่ายรูป เครื่องเล่น MP3 คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก ฯลฯ เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้พร้อมกันถึง 5 เครื่อง จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยี Internet of Things ไม่จำกัดอยู่ในบ้านที่อยู่อาศัยเท่านั้น มันอยู่ทุกหนทุกแห่งจริงๆ

บทความโดย * ดร. อดิสร เตือนตรานนท์

ผู้อำนวยการหน่วยปฏิบัติการนาโนอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องกลจุลภาค

ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ

[email protected]