ทรูไอดีซีควงเทนเซ็นต์รุกบริการคลาวด์
“ทรูไอดีซี” ผนึกยักษ์เทคโนโลยีสัญชาติจีน “เทนเซ็นต์” รุกหนักบริการคลาวด์ในประเทศไทย ชี้การลงทุนโตไม่หยุด ปีนี้ตลาดมีแนวโน้มเติบโตกว่า 31% รับอานิสงส์ดิจิทัลคอนเทนท์บูม การเมืองไม่นิ่งไม่ส่งผลกระทบ
นายศุภรัฒศ์ ศิวะเพ็ชรานาถ สิงหรา ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรูไอดีซี กล่าวว่า ภาพรวมการลงทุนเทคโนโลยีคลาวด์ในประเทศไทยปี 2562 จะมีมูลค่าประมาณ 159 ล้านดอลลาร์ หรือเติบโต 31.5% จากปีก่อนหน้า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่เติบโต 28%
ทรูไอดีซีเชื่อว่า ตลาดมีโอกาสเติบโตได้อีกมหาศาล โดยเฉพาะเมื่อมีแพลตฟอร์มคลาวด์ในประเทศที่ยืดหยุ่น มีความปลอดภัยสูง ครอบคลุมทั้งอินฟราสตักเจอร์แอสอะเซอร์วิส แพลตฟอร์มแอสอะเซอร์วิส และซอฟต์แวร์แอสอะเซอร์วิส รองรับทั้งผู้เช่าใช้รายเดียวและหลายราย
“ยิ่งมีคลาวด์ในประเทศ ยิ่งเพิ่มโอกาสการเติบโตได้มากขึ้น เช่นเดียวกับที่มาเลเซีย หรือสิงคโปร์ซึ่งตลาดเติบโตระดับสี่สิบกว่าเปอร์เซ็นต์ เนื่องจากมีข้อได้เปรียบทั้งด้านราคา ประสิทธิภาพ เอื้อให้สามารถพัฒนาปรับใช้ได้ง่ายกว่า ขณะเดียวกันข้อมูลทุกอย่างถูกเก็บอยู่ภายในประเทศ”
ปัจจุบัน เทรนด์ของตลาดมีการใช้งานดาต้ามากขึ้น ส่วนการใช้งานเทคโนโลยีที่คาดว่ามีโอกาสเติบโตเกี่ยวเนื่องกันไปมีทั้งปัญญาประดิษฐ์(เอไอ) และอนาไลติกส์
ล่าสุดจับมือ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวบริการ “Interactive and AI Enabled Cloud Platform” บริการคลาวด์แบบครบวงจร ที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการเก็บข้อมูลอยู่ภายในประเทศ เช่น รัฐบาล, สถาบันทางการเงิน และผู้ให้บริการมีเดียและคอนเทนท์ เหตุที่เลือกทำงานร่วมกัน หลักๆ มาจากความสามารถทางเทคโนโลยีของเทนเซ็นต์ ที่สำคัญมีความเข้าใจตลาดไทยและลูกค้าในประเทศไทย
อย่างไรก็ดี ไม่ว่าสถานการณ์การเมืองภายในประเทศจะเป็นอย่างไร บริษัทจะยังคงเดินหน้าตามแผน ด้านการลงทุนของลูกค้าเป็นไปได้ที่จะมีผลกระทบบ้าง แต่บริษัทจะพยายามผลักดันการเติบโตให้เกิดขึ้นต่อเนื่อง แต่ทั้งนี้โดยปกติธุรกิจด้านเทคโนโลยีมักไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
ทรูไอดีซีตั้งเป้าไว้ว่า ภายใน 12 เดือนจะมีรายได้ที่เกิดจากความร่วมมือดังกล่าวไม่น้อยกว่า 5 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ในภาพรวม เมื่อปี 2561 จากตลาดรวมคลาวด์ในไทยเติบโต 26% ทรูไอดีซีสามารถเติบโตได้ 63% หรือ เกือบสามเท่าของตลาด ขณะที่ดาต้าเซ็นเตอร์ตลาดรวมโต 15% บริษัทโตได้กว่า 26% ปีนี้หวังว่าจะทำได้ไม่น้อยกว่าเดิมโดยคลาวด์น่าจะเติบโตได้ดีมากขึ้น
นายชาง ฟู ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพเติบโตได้สูง รับปัจจัยบวกนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล บริษัทจึงตัดสินใจเข้ามาให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ และเป็นบริษัทผู้ให้บริการคลาวด์รายแรกที่เข้ามาตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ในไทย
สำหรับเทคโนโลยีไฮไลต์ ประกอบด้วย ระบบจดจำใบหน้า(Face Recognition) ระบบจัดการการค้าขายอัจฉริยะ(Smart Retail Solution) และระบบซีดีเอ็น(Content Delivery Network) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าอย่างรวดเร็ว ฯลฯ
ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองในไทยที่ยังไม่แน่นอน คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบกับการลงทุน เนื่องจากการสร้างการเติบโตให้ธุรกิจจำเป็นต้องมีการนำเทคโนโลยีมาเป็นตัวขับเคลื่อน