‘ไลน์’ ประกาศปักธงเทคโนโลยี ‘เอไอ’
ไลน์ จัด “DEVELOPER DAY 2019” ประกาศรุกหนักเทคโนโลยี “เอไอ” ย้ำวิสัยทัศน์ “Life on LINE” มุ่งเพิ่มจุดแข็งบริการ ตอบโจทย์ความต้องการผู้ใช้งานวันนี้-อนาคต
นางปาร์ค อึยบิน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี ไลน์ คอร์ปอเรชั่น (LINE Corporation) กล่าวว่า จัดงาน LINE DEVELOPER DAY 2019 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลา 2 วันเต็ม ภายใต้ธีม “LIFE WITH LINE” โดยคาดว่าจะมีนักพัฒนาจากทั่วโลกเข้าร่วมงานกว่า 3,000 คน
งานดังกล่าว ไลน์ใช้เป็นเวทีสำหรับอัพเดทแนวทางเทคโนโลยีที่กำลังเกิดขึ้นและทิศทางในอนาคต หวังว่าจะเป็นแหล่งระดมสมอง แลกเปลี่ยนความรู้ ให้นักพัฒนาสามารถสร้างบริการตรงใจผู้ใช้ได้มากขึ้น สอดคล้องไปกับวิสัยทัศน์ “Life on LINE” ที่มุ่งทำให้แพลตฟอร์มไลน์เป็นโครงสร้างพื้นฐานชีวิตสำหรับทุกคน
ครั้งนี้ยังได้ประกาศเดินหน้าพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) เป้าหมายเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย ความมีประสิทธิภาพ เชื่อมต่อโลกมาอยู่ในมือของทุกคน
“เรามุ่งพัฒนาแพลตฟอร์มไลน์ให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานในการใช้ชีวิตของคนในยุคดิจิทัล สามารถตอบสนองทุกความต้องการในชีวิตประจำวัน โดยนำเสนอบริการที่หลายหลายนอกเหนือไปจากการเป็นแชทแอพ”
ปีที่ผ่านมา ไลน์ได้มีการเปิดบริการใหม่กว่า 20 บริการในหลายประเทศทั่วโลก โดยแบ่งการบริการเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ฟินเทค (Fintech) ธุรกิจ (Commerce) O2O (Online-to-Offline) และ คอนเทนต์และบันเทิง (Content & Entertainment)”
นางอึยบิน กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่ไลน์จะพัฒนากลุ่มบริการเหล่านี้ให้ตอบโจทย์ผู้ใช้ในหลากหลายประเทศ ทีมนักพัฒนาจะต้องมีกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ดังนี้ 1.การรู้จักนำเอาเทคโนโลยีเอไอเข้ามาพัฒนาร่วมใช้งานเพื่อให้บริการมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะต้องสามารถเข้าถึง เข้าใจและได้รับประสบการณ์ที่ดีจากการใช้งานบริการดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีการแปลงไฟล์ ภาพ เอกสารให้เป็นข้อความโดยอัตโนมัติหรือOCR (Optical Character Recognition) และเทคโนโลยีที่ช่วยให้คอมพิวเตอร์เข้าใจภาษาและประโยคในบทสนทนาภาษาพูดที่ใช้กันทั่วไปหรือ NLU (Natural Language Understanding) เป็นต้น ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ใช้ว่ามีประสิทธิภาพ แม่นยำ และปลอดภัย ในก้าวต่อไป
นอกจากนี้ ยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีเอไอให้มีความใกล้เคียงสมองมนุษย์มากที่สุด เพื่อสอดแทรกเข้าไปในบริการอย่างเป็นธรรมชาติ โดยมีการจัดตั้งทีม LINE Brain ขึ้นมาเพื่อขับเคลื่อนเรื่องนี้โดยเฉพาะ
2.การจัดการโครงสร้างและแพลตฟอร์มดาต้าให้ดียิ่งขึ้น ปัจจุบันไลน์มีเซิร์ฟเวอร์กว่า 40,000 ยูนิตเพื่อรองรับดาต้าที่มีมหาศาล การจัดการโครงสร้างและแพลตฟอร์มเพื่อรองรับดาต้าจำนวนมากจึงต้องมั่นคงและปลอดภัยที่สุด ไลน์จีงมีการใช้แพลตฟอร์ม Verda ซึ่งเป็นไพรเวทคลาวด์ในการเก็บดาต้าดังกล่าว
3.การคำนึงถึงความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวด้านข้อมูล ด้วยการกำกับดูแลดาต้า (Data Governance) โดยมีการออกแบบนโยบายด้านความปลอดภัยที่แตกต่างกันไปตามกลุ่มบริการ, ด้านเทคโนโลยี มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีแมขีนเลิร์นนิงเพื่อแก้ไขและป้องกันปัญหาการถูกขโมยบัญชี รวมถึงการนำเทคโนโลยี FIDO (Fast IDentity Online) เป็นเครื่องมือในการอนุญาติเจ้าของบัญชีในการทำธุรกรรมต่างๆ ผ่าน ไลน์เพย์(LINE Pay) ซึ่งในปีหน้านี้ FIDO จะถูกนำไปใช้งานในบริการอื่นๆ โดยเฉพาะบริการทางการเงินที่ต้องการความปลอดภัยขั้นสูงด้วย และด้านสุดท้ายคือความโปร่งใส (Transparency) โดยไลน์ได้จัดตั้งและเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจและส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีในยุคดิจิทัลมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การจัด LINE x Intertrust Summit และการจัดตั้งโครงการ LINE Security Bug Bounty Program เพื่อให้บุคคลภายนอกสามารถรายงานจุดแก้ไขหรือข้อบกพร่องใน LINE เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมที่ดีในการใช้งานแพลตฟอร์มดิจิทัลร่วมกัน
ภายในงานปีนี้ มีการนำเสนอเรื่องราวทางด้านเทคโนโลยีทั้งหมดกว่า 70 หัวข้อทั้งจากบุคลากรของไลน์และผู้เชี่ยวชาญภายนอกจากหลากหลายประเทศให้กับผู้ร่วมงานทั้งสิ้นกว่า 3 พันคน โดยรวบรวมเรื่องราวหลากหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการนำเทคโนโลยีเอไอมาใช้งานได้อย่างแม่นยำ และการสร้างกระบวนการเรียนรู้ของคอมพิวเตอร์ (Machine Learning) มาส่งเสริมการทำงานของนักพัฒนา เช่น หัวข้อเกี่ยวกับ Front end, Infrastructure, server และ Product Management ต่างๆ รวมถึงต่อยอดการพัฒนาบริการต่างๆ ได้เป็นอย่างดี เช่นLINE Ads platform, Openchat, Smart channel และ Timeline เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีโซนพูดคุยและนิทรรศการแสดงผลงานและเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมให้นักพัฒนาและผู้เข้าร่วมงานได้ร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ ความเข้าใจ รวมถึงข้อคิดเห็น อีกทั้งยังมีการจัดโซนให้ผู้เข้าร่วมงานได้ทดลองบริการใหม่ๆ ของไลน์อีกจำนวนมาก
ไลน์ยังคงตอกย้ำพันธกิจ “CLOSING THE DISTANCE” เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะทำให้ทุกคนได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น รวมไปถึงการนำพาทุกคนไปใกล้กับบริการและผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อชีวิตที่ง่ายและสะดวกสบายยิ่งขึ้นต่อไป