ไมโครซอฟท์ ดัน 'เวิร์คฟรอมโฮม'-'เจมาร์ท'ปรับกลยุทธ์ขาย "ออนไลน์"

นายจาเร็ด สปาทาโร่ รองประธานองค์กร ธุรกิจ ไมโครซอฟท์ 365 บริษัทไมโครซอฟท์ ให้ข้อมูลว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้รูปแบบการทำงาน และการเรียนรู้เปลี่ยนไป โดยเฉพาะการตอบรับในการเข้าถึงเทคโนโลยีสำหรับการสื่อสารภายในองค์กร ที่ทางทีมงานไมโครซอฟท์ เห็นอัตราการเติบโตที่พุ่งสูงขึ้นในตลาดที่ได้รับผลกระทบ

“ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาไมโครซอฟท์ เห็นความต้องการใช้งาน ไมโครซอฟท์ ทีมส์ (Microsoft Teams) ที่องค์กรนำมาใช้เพื่อให้สามารถทำงานได้ต่อเนื่อง จนถึงสถาบันการศึกษานำไปใช้เป็นช่องทางในการเรียนรู้ให้แก่นักเรียน นักศึกษา ซึ่งเป็นเครื่องมือการทำงานที่ครบถ้วนทั้งการทำงานด้านเอกสารร่วมกัน แพลตฟอร์มแชท และวิดีโอคอลล์”

จากสถิติการใช้งานในช่วงที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ เคยประกาศไว้ในเดือน พ.ย. 2562 ว่า มีจำนวนผู้ใช้งานต่อวันเพิ่มขึ้นมาเป็น 20 ล้านราย ก่อนที่ในวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมามีจำนวนผู้ใช้งานอยู่ที่ 32 ล้านราย และจนถึง 18 มีนาคมที่ผ่านมามีจำนวนการใช้งานพุ่งสูงขึ้นมาเป็น 44 ล้านราย หรือเพิ่มขึ้น 12 ล้านรายภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์

นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า "สถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไปในขณะนี้ ทำให้ทุกฝ่ายต้องหันมาปรับรูปแบบการทำงานหรือแม้กระทั่งการเรียนให้เหมาะสม ถูกต้องมากยิ่งขึ้น และเราก็พร้อมที่จะยืนเคียงข้างทุกองค์กรเพื่อฟันฝ่าความท้าทายนี้ไปด้วยกัน สำหรับไมโครซอฟท์เอง เราดำรงค์อยู่กับวัฒนธรรมองค์กรและเทคโนโลยีที่สนับสนุนให้พนักงานสามารถทำงานจากที่ใดก็ได้มาโดยตลอด โดยเราเปิดให้พนักงานทำงานจากที่ใดก็ได้ เห็นได้จากการทำงานแบบ mobile office ที่ไม่มีที่นั่งประจำ เราทำงานแบบนี้ซึ่งมีเครื่องมือต่างๆ ที่กำเนิดขึ้นมาเพื่อการทำงานลักษณะนี้ โดยที่แต่ละบุคคลก็สามารถนำไปปรับใช้ได้ตามลักษณะงานของแต่ละคน ดังนั้นเราจึงมั่นใจเป็นอย่างยิ่งในศักยภาพของ ไมโครซอฟท์ ทีมส์ ที่ผ่านบทพิสูจน์ประสิทธิภาพการใช้งานจริงมาแล้วมากมาย พร้อมขับเคลื่อนความสำเร็จของทุกคนและทุกองค์กร" 

เจมาร์ท ปรับทัพ "ขายออนไลน์" 
นายนราธิป วิรุฬห์ชาตะพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท โมบาย จำกัด (JMART MOBILE) เปิดเผยว่า ตามแนวทางการบริหารจัดการของกลุ่มบริษัท ตามแผนการทำ Synergy ร่วมกัน เพื่อตอบสนองต่อมาตรการภาครัฐเพื่อป้องกันการกระจายของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) ภายหลังจากรัฐบาล ประกาศการปิดศูนย์การค้าในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ส่งผลกระทบต่อบริษัท บริษัท เจมาร์ท โมบาย จำกัด (JMART MOBILE) ซึ่งประกอบธุรกิจร้านจัดจำหน่ายมือถือและอุปกรณ์เสริม ต้องปิดดำเนินการชั่วคราวตามมาตรการภาครัฐเพื่อป้องกันการกระจายของไวรัส โควิด-19 ในสาขากรุงเทพมหานคร และปริมณฑล รวมถึงจังหวัดในต่างจังหวัด รวมระยะเวลา 22 วัน ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม - 12 เมษายน 2563

เจมาร์ท โมบาย ได้กำหนดแนวทางในการบริหารจัดการเพื่อควบคุมผลกระทบดังกล่าวอย่างเข้มข้น บริษัทฯ ได้ดำเนินการแจ้งต่อลูกค้าและพนักงานทุกคนผ่านทางช่องทางการสื่อสารของบริษัทฯ เพื่อความปลอดภัย และขานรับมาตรการการปิดศูนย์การค้าตามนโยบายดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ด้วยจุดแข็งการทำงานแบบ Synergy ของกลุ่มบริษัท ในส่วนของพนักงานที่ต้องหยุดตามนโนบายดังกล่าวนั้น ได้เข้าปฏิบัติงานในส่วนงานธุรกิจติดตามหนี้ ของบริษัท เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) (JMT) เสริมทัพธุรกิจที่ยังแข็งแรง ตามแผน Business Continuity Plan (BCP) ทางด้านแผนกทรัพยากรมนุษย์ของกลุ่มบริษัททันที เนื่องจาก ได้มีเตรียมการอบรมพนักงานในส่วนงานดังกล่าวไว้แล้ว

รวมทั้ง กระตุ้นช่องทางการจำหน่ายในส่วนภูมิภาค ซึ่งยังคงมียอดขายที่ดีอยู่ และการใช้ช่องทางการขายผ่านช่องทาง Synergy ของบริษัท เช่น ผ่านตัวแทนขายของบริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) (SINGER) รวมถึงการขายตรงด้วยตัวแทนภายในกลุ่มของบริษัทอีกด้วย

อย่างไรก็ดี เจมาร์ท โมบาย ตระหนักถึงความจำเป็นในการใช้สินค้าเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตและการทำงาน จึงเข้ามาเสริมบริการและการขายผ่านช่องทางออนไลน์ มุ่งเน้นการกระตุ้นยอดขายผ่าน www.jaymartstore.com ทั้งการจัดโปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์มือถือ รวมถึงโปรโมชั่นอื่นๆ ให้กับลูกค้า เพื่อเป็นอีกช่องทางในการนำเสนอสินค้าเทคโนโลยีที่จำเป็นในช่วงเวลาวิกฤติดังกล่าวนี้ได้ โดยจัดแคมเปญ อยู่บ้าน อยู่ที่ไหน ก็ช้อปออนไลน์ได้ 24 ชั่วโมง ส่งฟรี ทั่วประเทศ ไม่มีขั้นต่ำ แถมฟรีประกันตัวเครื่องนาน 3 ปี รวมไปถึงสินค้ากลุ่ม SMART WORK FROM HOME เพิ่มความพร้อมในการอยู่บ้านก็ทำงานได้ง่าย และสะดวกกว่า ปรับกลยุทธ์ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พร้อมติดตามสถานการณ์ดังกล่าวนี้ต่อไปอย่างใกล้ชิด