"ปณท" หันผนึกพาร์ทเนอร์ รุก “บริการดิจิทัล” เต็มสูบ
รับโควิดพ่นพิษ รายได้ร่วง เร่งปรับแผนรักษาผู้นำเบอร์ 1
"จากนี้ไปเราจะเน้นทำงานร่วมกับพันธมิตรแทนการเขียนสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งต้องมีกระบวนการนาน โดยเร็วๆ นี้ จะมีโครงการสร้างตู้ฝากเอกสารชาญฉลาด ในลักษณะคล้ายกับตู้ i-box เพื่อให้ลูกค้าสามารถมารับเอกสารในตู้ได้แทนการเดินทางไปรับที่ทำการปณ. เช่น สามารถเก็บยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการทำงานร่วมกับองค์การเภสัชกรรม เป็นต้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการร่างสัญญาจ้างที่ปรึกษา คาดว่าจะได้บริษัทที่ปรึกษาภายในก.ย. นี้ เพื่อทำหน้าที่วางแผนการบริหารจัดการโครงการให้มีตู้ดังกล่าว 30,000 ตู้ใน 3 ปี คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในกลางปีหน้า"
นอกจากนี้ กำลังจะมีโครงการร่วมกับธนาคารกรุงไทย ในการเป็นตัวกลางเพื่อรับชำระค่าภาษีโรงเรือนให้กับประชาชนแทนการเดินทางไปชำระเองที่สำนักงานเขต รวมถึงจะมีการเป็นตัวแทนจำหน่ายโปรแกรมออฟฟิศ 365 ของไมโครซอฟท์ เพื่อให้องค์การบริหารส่วนตำบล สามารถหาซื้อโปรแกรมได้สะดวกกว่าการตั้งงบประมาณในการจัดซื้อ จัดจ้างเอง
นายก่อกิจ กล่าวว่า นโยบายการดำเนินงานในอนาคตของไปรษณีย์ไทยจะพัฒนากลุ่มธุรกิจ ที่เคยเป็นฐานรายได้หลัก คือ กลุ่มธุรกิจไปรษณียภัณฑ์ดั้งเดิมประเภทจดหมายไปสู่รูปแบบดิจิทัล โดยจะพัฒนาระบบการจัดการด้านเอกสารอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจรให้กับภาครัฐภาคธุรกิจ และภาคประชาชนให้มีความปลอดภัย เป็นมาตรฐานเดียวกันได้รับการยอมรับในเชิงกฎหมายทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคต ถือเป็นการปรับโฉมบริการดั้งเดิมให้เป็นบริการรูปแบบใหม่รักษาฐานรายได้เดิมเอาไว้ ควบคู่ไปกับการสร้างฐานรายได้ใหม่
ทั้งนี้ จากผลการดำเนินการครึ่งปีแรก หากแยกเป็นประเภทของรายได้ จะพบว่า กลุ่มบริการขนส่งและโลจิสติกส์มีรายได้ 6,864.99 ล้านบาท คิดเป็น 53.2% รองลงมา คือ กลุ่มบริการไปรษณีย์ภัณฑ์อยู่ที่ 29.7% คิดเป็น 3,823.27 ล้านบาท ตามด้วยกลุ่มบริการระหว่างประเทศมีรายได้ 1,204.41 ล้านบาทคิดเป็น 9.3% กลุ่มบริการค้าปลีก 460.55 ล้านบาท คิดเป็น 3.6% กลุ่มบริการด้านการเงิน 297.16 ล้านบาท คิดเป็น 2.3% ที่เหลือเป็นกลุ่มบริการอื่นๆ ดังนั้น ไปรษณีย์ก็ยังคงเน้นบริการเหล่านี้ให้มีคุณภาพควบคู่กับบริการดิจิทัลในอนาคต
นอกจากนี้ ในวาระครบรอบ 137 ปี ไปรษณีย์ไทยได้เปิดตัวโครงการ “ไปรษณีย์ reBOX " ร่วมกับ บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) รวบรวมซองกระดาษและกล่องพัสดุที่ไม่สามารถใช้ได้แล้วเข้าสู่กระบวนการแปรรูปเป็นชุดโต๊ะเก้าอี้ เพื่อใช้ประโยชน์ทางการศึกษาส่งมอบให้แก่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน โดยผู้ี่สนใจสามารถรวบรวมซองกระดาษและกล่องพัสดุฯ มาส่งได้ที่ไปรษณีย์ไทยในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลไปรษณีย์จังหวัดและศูนย์ไปรษณีย์รวมทั้งสิ้น 141 แห่งตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค.-31 ต.ค.นี้