"Viramino" พึ่งสเปซ-เอฟ ส่ง "ผงโปรตีนสกัดจากพืช" รับเทรนด์อาหารอนาคต
ถึงยุคปฏิวัติการกิน “Viramino” สตาร์ทอัพสัญชาติไทยก่อตั้งโดยชาวอเมริกัน อวดโฉมผงโปรตีนสกัดจากถั่วลันเตา หนึ่งในผลสำเร็จโครงการสเปซ-เอฟ ซีซั่น 2 เดินหน้าเจาะตลาดไทย พร้อมรุกหาพันธมิตรขยายไลน์การผลิต ตั้งเป้ายอดขายปีแรกเบาๆ30 ล้านบาท ก่อนเปิดตลาดส่งออก
โปรตีนจากพืช (Plant-based protein) เป็นอาหารกลุ่มโปรตีนทางเลือกที่ใช้วัตถุดิบจากพืช เช่น ถั่ว เห็ด สาหร่าย อัลมอนด์ กลายเป็นกระแสนิยมสำหรับผู้บริโภคที่รักสุขภาพ ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการผลิต รวมถึงโควิด-19 ที่ปลุกกระแสฟู้ดเซฟตี้ เป็นเหตุผลให้ โคล ดีลอย (Cole Deloye) สตาร์ทอัพจากสหรัฐ ก่อตั้ง “Viramino” เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา พัฒนาโปรตีนทางเลือกจากพืช ที่สามารถนำไปผสมเครื่องดื่มหรืออาหารได้หลากหลายรูปแบบ วางแผนที่จะเปิดตัวในเดือน มี.ค.2564
จุดเริ่มต้นแนวคิดด้านธุรกิจ มาจากการมองเห็นเทรนด์โลกที่สนใจในโปรตีนจากพืช จึงใช้ระยะเวลา 3-5 เดือนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์จนได้สูตรสำเร็จเป็น “ผงโปรตีนจากพืช” ที่ทำมาจากถั่วลันเตา ซึ่งผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ระบุให้เป็นโปรตีนจากพืชที่ดีที่สุด เพราะอุดมไปด้วยกรดอะมิโน leucine มากกว่าโปรตีนจากถั่วเหลือง โดยกรดอะมิโน Leucine มีความจำเป็นในการสังเคราะห์โปรตีน อีกทั้งยังอุดมด้วย arginine และ lysine ซึ่งเป็นกรดอะมิโนอีกสองตัว ทำหน้าที่ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายและสร้างกล้ามเนื้อ
ตั้งต้นใช้"โซเชียล"เป็นสื่อดัน
โคล กล่าวว่า โมเดลธุรกิจวางไว้ 2 รูปแบบ คือ B2C ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย และ B2B ที่จะร่วมกับพันธมิตรด้านร้านอาหาร ร้านกาแฟ ที่สามารถนำไปรังสรรค์เป็นเมนูเครื่องดื่มที่หลากหลาย ส่วนในอนาคตอีก 1-2 ปีข้างหน้า จะเป็นการพัฒนาผงโปรตีนรสชาติต่างๆ 5 รสชาติ พร้อมทั้งโปรตีนบาร์ โปรตีนบอลและโปรตีนพร้อมดื่มโดยผสมกับนมจากพืช อีกทั้งมุ่งแสวงหาพาร์ทเนอร์ใหม่ เช่น Fitness Studio หรือแม้กระทั่งการเปิดคาเฟ่ที่บริการอาหารและเครื่องดื่มในพื้นที่กรุงเทพฯ และภูเก็ตภายในปี 2564 โดยจะเสิร์ฟผลิตภัณฑ์ที่เน้นโปรตีนจากพืช
ส่วนแผนการตลาดนั้นจะเปิดตลาดในประเทศก่อนเป็นลำดับแรก โดยตั้งเป้ายอดขายหลังจากที่เปิดตัวสินค้าในปีแรกไว้ที่ 30 ล้านบาท จากนั้นจะขยายสู่ตลาดอินโดนีเซีย มาเลเซียและสิงคโปร์ เหตุผลที่จะบุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะต้องการเติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงบุกตลาดส่งออกอาหารของไทย เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และจีน
“ประเทศในแถบเพื่อนบ้านของไทยนิยมนำเข้าอาหารและขนมขบเคี้ยวโปรตีนสูงจากสหรัฐ ยุโรป ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูง ดังนั้น จึงเป็นโอกาสของ Viramino ที่จะสามารถทำราคาได้ดีเนื่องจากผลิตในประเทศ และยังมีคุณภาพบวกกับรสชาติที่ดีอีกด้วย”
เมื่อถามว่าเพราะเหตุใดจึงสนใจเข้าร่วมโครงการ SPACE-F โคล อธิบายว่า เขาต้องการเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ ในอุตสาหกรรมอาหารเพื่อการผลักดันบริษัทให้เติบโตอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ และเพื่อที่จะประสบความสำเร็จในระยะยาวแล้ว อีกทั้งต้องการที่จะเรียนรู้ตลาดในประเทศไทยเพื่อที่จะมีศักยภาพในการแข่งขัน ผ่านหลักสูตรและการอบรมต่างๆ ที่สเปซ-เอฟ จัดให้ที่ครอบคลุมองค์ประกอบที่สำคัญสำหรับสตาร์ทอัพ
ส่วนความคาดหวังจากโครงการนั้น เขามองหา technical support จากคนในอุตสาหกรรมเพื่อชี้แนะแนวทาง และเครือข่ายธุรกิจและผู้คนในวงการต่างๆ ที่โครงการแนะนำให้เพื่อช่วยให้ได้เรียนรู้ สามารถนำสินค้าออกสู่ตลาดและพัฒนาปรับปรุงได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งมองหาแหล่งทุน (VC) เครือข่ายในอุตสาหกรรมอาหารของประเทศไทย ที่ปรึกษาด้านธุรกิจและกฎหมาย
ชูกลยุทธ์รุกเซาท์อีสต์เอเชีย
ส่วนที่มีข้อกังวลว่า การผลิตโปรตีนจากพืชอาจต้องเผชิญกับความท้าทาย จากความต้องการกับความผันผวนทั้งในด้านปริมาณผลผลิตและราคาในตลาดโลก สิ่งเหล่านี้อาจเป็นข้อจำกัดในการผลิตโปรตีนจากพืช เขามองว่า ซัพพลายเชนวัตถุดิบมีเพียงพอ เพราะตลาดกำลังบูม จึงมีการขยายกำลังการเพาะปลูกอีกจำนวนไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม ในส่วนแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจสามารถขยายสเกลได้มากกว่านี้ เพราะในตลาดยังมีผู้เล่นไม่หลากหลายและยังเป็นสิ่งใหม่สำหรับตลาดเอเชีย ทำให้สามารถประกอบธุรกิจได้ง่าย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการขอขึ้นทะเบียนกับ อย. หากแล้วเสร็จจะดำเนินการออกสู่เชิงพาณิชย์ทันที
“ผงโปรตีนจากพืช” จึงถือเป็นอาหารทางเลือกที่สามารถทดแทนสารอาหารอย่างโปรตีนที่ได้จากเนื้อสัตว์อย่างเต็มรูปแบบ ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่า Viramino จะออกมาให้ผู้บริโภคสายเฮลท์ตี้ได้ลิ้มรสตามไทม์ไลน์ มี.ค.2564 หรือไม่ และจะสร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภคยุคนิวนอร์มอลได้มากน้อยแค่ไหน คงต้องรอติดตามกันต่อไป