"กูเกิล" เร่งหนุนทักษะเอสเอ็มอีไทย ตั้งเป้า 100,000 รายปีนี้
Google เปิดตัวโครงการ Saphan Digital เฟส 2 พร้อมเปิดตัวหลายโครงการ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอีไทย
กูเกิล ประเทศไทย จัดงาน Grow with Google ที่เป็นส่วนหนึ่งของงาน Google for Thailand เป็นครั้งแรก เพื่อประกาศเปิดตัวโครงการ “Saphan Digital เฟส 2” สานต่อความมุ่งมั่นของ Google ในการสร้างโอกาสเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทย ภายใต้แนวคิด “Leave no Thai Behind” ที่ส่งเสริมให้คนไทยได้รับโอกาสที่เท่าเทียมในโลกดิจิทัล พร้อมร่วมผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลไทยในระยะยาว
โครงการ “Saphan Digital เฟส 2” จะเข้ามาสานต่อความร่วมมือระหว่าง Google กับกระทรวงพาณิชย์ และพันธมิตรชั้นนำ ที่มุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการ บุคคลทั่วไป และองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรให้เข้าถึงเครื่องมือดิจิทัล โดยในปีนี้ มีพันธมิตรรายใหม่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ เบเคอร์ แม็คเค็นซี่ และ ธนาคารกสิกรไทย ที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนการให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจากประสบการณ์ทางด้านกฏหมาย และการสนับสนุนทางด้านต่างๆ จากฝั่งของธนาคาร
อีกหนึ่งโครงการใหม่ที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มทักษะดิจิทัล ได้แก่ “Startup School” แหล่งรวมหลักสูตรการฝึกอบรมเสมือนจริงที่เน้นการลงมือปฏิบัติที่ Google ได้รวบรวมไว้ให้บริการฟรีแก่ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพและทีมงานทั่วเอเชียแปซิฟิกที่กำลังมองหาเครื่องมือและทักษะดิจิทัลเพิ่มเติมสำหรับการขยายธุรกิจ พร้อมเปิดโอกาสให้เจ้าของธุรกิจสตาร์ทอัพที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้ทันที
นอกจากนี้ Google ยังได้ริเริ่มโครงการที่ได้ทำงานร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเพื่อช่วยในการฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศด้วยการเปิดตัว 2 โครงการใหม่
ได้แก่ โครงการ “River Street View” ที่ Google ได้ร่วมมือกับ บริษัท Bangkok Riviera ให้ทุกคนสามารถชมภาพบรรยากาศที่สวยงามของวัด ชุมชนริมน้ำ และสะพานต่างๆ จากมุมมองบนเรือได้เพียงสัมผัสจากปลายนิ้ว และอีกหนึ่งโครงการ #เที่ยวรู้ไทย โครงการนำร่องของการท่องเที่ยวด้านศิลปวัฒนธรรมผ่านแพลตฟอร์ม YouTube ภายใต้การสนับสนุนของกรมศิลปากร ผ่าน 3 มุมมองจาก YouTube ครีเอเตอร์ชื่อดังของเมืองไทย คือ Bie The Ska, Point of View และ I Roam Alone
"แจ็คกี้ หวาง" Country Director, Google ประเทศไทย กล่าวว่า “ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เราจัดงาน Google for Thailand กันปีละครั้ง แต่ปีนี้ เราอยากจะมาเล่าถึงความคืบหน้าของโครงการต่าง ๆ ที่กำลังทำอยู่ และโครงการใหม่ ๆ ที่ Google ทำในไทยให้บ่อยกว่าเดิม ภายใต้ความมุ่งมั่นและความพยายามที่จะทำเพื่อประเทศไทยในแนวคิด “Leave no Thai Behind” ไว้เป็นหลัก ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาเราได้นำเสนอผลิตภัณฑ์และข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจดิจิทัลที่เท่าเทียมสำหรับคนไทย รวมถึงเน้นย้ำที่จะเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้กับคนทั่วไป และผลักดันให้ธุรกิจเอสเอ็มอีได้รับประโยชน์จากการใช้งานแพลตฟอร์มดิจิทัลให้มากที่สุด เพราะเราเชื่อมั่นว่าธุรกิจเอสเอ็มอีคือตัวแปรที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย”
อภิชญา เตชะมหพันธ์ หัวหน้าฝ่าย Google Customer Solutions ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “หลังจากที่ได้เปิดตัวโครงการ “Saphan Digital” ไปเมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้มีการพัฒนาศักยภาพของกลุ่มคนที่เป็น Digital Talent สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ โดยในช่วงระยะเวลา 6 เดือน ได้ฝึกอบรมให้กับเอสเอ็มอีไปแล้วกว่า 8,000 ราย และมีผู้ประกอบการกว่า 2,000 ราย ที่ได้ใช้เครื่องมือของ Google และของพันธมิตรในการสร้างเว็บไซต์ สำหรับในปีนี้ใน โครงการ “Saphan Digital เฟส 2” จะมีคอร์สอบรมออนไลน์ฟรีให้ทั้งผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รวมถึงผู้ที่สนใจเสริมทักษะดิจิทัล ทั้งหมด 41 คอร์ส โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะมีผู้เข้าร่วมฝึกอบรมในโครงการนี้จำนวน 100,000 ราย”
ในฝั่งของพันธมิตรรายใหม่ที่เข้าร่วมโครงการอย่าง ธีรพล สุวรรณประทีป Head of Intellectual Property and Technology Laws Practice Group เบเคอร์ แม็คเค็นซี่ กล่าวเพิ่มเติมว่า “บริษัทเข้าไปสนับสนุนความรู้และแบ่งปันประสบการณ์แก่ผู้ประกอบการในแง่ของประเด็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจออนไลน์” ส่วนทางด้าน อัครนันท์ ฐิตสิริวิทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวเสริมว่า “ธนาคารพร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลือผู้ประกอบการในการนำเครื่องมือดิจิทัล ความรู้ในการจัดการธุรกิจจากผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของธนาคารกสิกรไทย
รวมถึงนำเสนอสิทธิประโยชน์อื่นๆ เพิ่มเติม ภายในงาน Grow with Google ยังได้รับเกียรติจาก ทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ที่มาร่วม กล่าวว่า “โครงการ Saphan Digital เป็นหลักสูตรการอบรมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการทำธุรกิจที่ครอบคลุมรอบด้าน ซึ่งในช่วงเวลานี้ที่มีความท้าทายสำหรับเอสเอ็มอีในประเทศไทยเป็นอย่างมาก ความร่วมมือระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และ Google จะมีบทบาทสำคัญในการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจ"
มุกพิม อนันตชัย หัวหน้าฝ่ายพันธมิตรธุรกิจ YouTube ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “ที่ผ่านมา YouTube ได้เข้ามามีบทบาทในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในส่วนของการท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งนับว่าเป็นตัวแปรสำคัญในการช่วยสนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอี โดยในปีนี้ได้ขยายความร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยใน 2 โครงการใหม่ คือ “River Street View” ด้วยการนำเสนอการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่ให้ทุกท่านได้สัมผัสและชื่นชมภาพในบรรยากาศที่พิเศษมากขึ้นกว่าเดิม ส่วน #เที่ยวรู้ไทย เป็นโครงการที่จะมาช่วยกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยว และช่วยให้ชุมชนในประเทศไทยกลับมาคึกคักและสามารถสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวได้อีกครั้ง”
ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมทำงานกับ Google อีกครั้งในการสร้างสีสันให้กับการท่องเที่ยวของไทยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ภายใต้โครงการ River Street View และโครงการ #เที่ยวรู้ไทย กับ YouTube ซึ่งจะมีส่วนสำคัญอย่างมากในการสร้างความน่าสนใจใหม่ๆ ให้กับการท่องเที่ยว และสนับสนุนการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยวในช่วงหลังโควิดได้เป็นอย่างดี”
ตลอดเวลาที่ผ่านมา Google มีความมุ่งมั่นที่จะช่วยให้คนไทยทุกคนมีโอกาสที่เท่าเทียมกันในโลกดิจิทัล ภายใต้แนวคิด “Leave no Thai Behind” สืบเนื่องจากงาน Google for Thailand เมื่อปีที่แล้ว โดย Google ได้เปิดตัวหลายฟีเจอร์ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจเอสเอ็มอีไทยสามารถรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 สำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว ทั้งบน Google Search, Google Maps และ YouTube และหลังจากนั้น Google ยังได้นำ Google Shopping เครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับการฟื้นฟูและช่วยเหลือแก่ผู้ค้าปลีกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมทั้งประเทศไทย ในการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 สนับสนุนให้ผู้ขายและผู้ซื้อออนไลน์ได้พบกัน รวมทั้งยังสามารถเสริมสร้างตลาดอีคอมเมิร์ซ และเปิดโอกาสให้ผู้ค้าปลีกสามารถเพิ่มข้อมูลผลิตภัณฑ์ของตนเองได้ฟรีอีกด้วย
และวันนี้ Google ยังได้ประกาศเปิดตัวอีกหนึ่งฟีเจอร์ใหม่ที่ให้โรงแรมและบริษัทท่องเที่ยวทั่วโลกมาปรากฏอยู่บนลิงก์การจองโรงแรมบนเว็บไซต์ Google Travel ได้ฟรี เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าไปค้นหาโรงแรมที่มีให้เลือกหลากหลายราคาได้อย่างเต็มที่ เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนการเดินทางและประกอบการตัดสินใจในการจองที่พัก ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้โรงแรมและบริษัทท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงลูกค้าด้วยวิธีใหม่ๆ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ด้านผู้ลงโฆษณาก็สามารถใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์นี้ในการขยายการเข้าถึง (reach) ของแคมเปญโฆษณาโรงแรม (Hotel Ads) ที่มีอยู่ได้