‘ปณท - แฟลช' ปรับกลยุทธ์ รับดีมานด์ใหม่ยุคนิวนอร์มอล

“ไปรษณีย์ไทย-แฟลช กรุ๊ป” ลุยปรับกลยุทธ์ เปิดบริการใหม่ รับดีมานด์โต ปณท เร่งอัพเกรดตัวเองสู่ผู้ให้บริการครบวงจรต้นน้ำยันปลายน้ำ เดินเข้าหากลุ่มผู้ค้าออนไลน์ เอสเอ็มอี ผู้ค้ารายย่อยเอง รับมือการแข่งขันอีมาร์เก็ตเพลสรายใหญ่ ปลุกยุทธศาสตร์  ‘Technology Driven Company’ ด้าน "แฟลช" อัดงบดึงเอไอ บิ๊กดาต้าหนุน จ่อขยายธุรกิจลุยต่างประเทศ  

สนามการแข่งขัน บริการขนส่ง และ โลจิสติกส์เติบโตขึ้น เป็นเงาตามตัวหลังจากที่อีคอมเมิร์ซในไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยช่วงที่ผ่านมา ผู้ให้บริการทุกรายล้วนหันมาใช้การตลาดดิจิทัล และการขายผ่านโซเชียล มีเดีย พร้อมนำเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่มาประยุกต์ใช้เพิ่มขึ้นให้สอดรับสถานการณ์และพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคนิวนอร์มอล

หากมองในแง่การเติบโตในธุรกรรมอีคอมเมิร์ซ ซึ่งเป็นตัวเร่งให้บริการขนส่งและโลจิสติกส์ขยายตัว สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ เอ็ตด้า ประเมินไว้ว่า มูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย หรือ อีคอมเมิร์ซ ในกลุ่ม Business to Customer หรือ B2C ธุรกิจที่ขายสินค้าหรือบริการระหว่างเจ้าของธุรกิจ และผู้บริโภครายบุคคล "สูงสุด" ในกลุ่มประเทศอาเซียน 

มูลค่าอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยโดยภาพรวมทุกกลุ่มอยู่ที่ 4.02 ล้านล้านบาทในปี 2562 หรือเติบโตขึ้น 6.91% จากปี 2561 ส่วนปี 2563 ที่ผ่านมาไม่มีการเปิดเผยตัวเลขอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจะขยายตัวขึ้นจากปี 2562 มากกว่า 15% เช่นเดียวกับปีนี้มั่นใจว่ายังคงมีตัวเลขเติบโตในอัตราที่ไม่น้อยลงไปกว่าเดิม

พร้อมผันตัวสู่โทเทิ่ล โซลูชั่น

นายดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ถึงภาพรวมการตลาดในปัจจุบันว่า ยอดส่งพัสดุของในระบบโลจิสติกส์ของไปรษณีย์ไทยไม่ได้เติบโตขึ้นอย่างที่เข้าใจ เพราะเมื่อการระบาดของโควิด-19 ลากยาวมาเกือบ 2 ปี กำลังซื้อผู้บริโภคก็ลดลงน้อยไปด้วย ไม่แม้แต่กระทบกับอีคอมเมิร์ซ แต่การตลาดออฟไลน์ก็กระทบด้วย จากสภาพความตึงเครียดของประชาชนที่ไม่อยากออกไปซื้อของ และของผู้ให้บริการเองก็ไม่อยากออกไปส่งของที่จุด Drop off ด้วย

ปัจจุบัน ไปรษณีย์ไทยไม่ได้มองว่าคู่แข่งที่ให้บริการอยู่ด้วยกัน เป็นคู่แข่งโดยตรง แต่คนที่น่ากลัว คือ คู่แข่งที่มาจากอีคอมเมิร์ซ แพลตฟอร์ม ซึ่งได้เห็นบริการจากลาซาด้า เอ็กซ์เพลซ หรือ ช้อปปี้ เอ็กซ์เพลซ แล้วซึ่งผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซ แพลตฟอร์มตรงนี้เป็นผู้ที่เห็นข้อมูลของลูกค้า เห็นต้นทุน มาร์จิ้นของผู้ให้บริการขนส่งทุกราย 

ดังนั้น สิ่งที่ไปรษณีย์ไทยจะทำ คือ พัฒนาตัวเองให้เป็นผู้ให้บริการครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ลงไปหาลูกค้า คู่ค้าที่เป็นกลุ่มแม่ค้าออนไลน์ กลุ่มเอสเอ็มอีรายย่อย ที่ขายอยู่ในโซเชียลมีเดีย นอกจากนั้น ไปรษณีย์จะมีอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มเข้าไปช่วยตั้งแต่การขาย การแพคสินค้า บริการรับส่ง ทำให้คู่ค้าประหยัดเวลา หันไปดูแลระบบซีอาร์เอ็มได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น ซึ่งน่าจะได้เห็นบริการอย่างเป็นทางการในเดือนส.ค.นี้

พลิกองค์กรสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบ

นายดนันท์ กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทยอยู่กับสังคมมานยาวนาน 135 ปี การปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร หรือพนักงานทุกคน เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ จากนี้จะมุ่งยุทธศาสตร์ Technology Driven Company พลิกไปรษณีย์ไทยสู่ ThailandPost Digital ด้วยเป้าหมายสร้างสมดุลที่เหมาะสมระหว่างคุณค่าด้านความสัมพันธ์ที่ผูกพันกับชุมชนคกับความทันสมัยด้วยเทคโนโลยีไอทีและดิจิทัล พัฒนาธุรกิจบริการรูปแบบใหม่ๆ ซึ่งจะกลายเป็นจุดแข็งที่ไปรษณีย์ไทยยืนหนึ่งเหนือคู่แข่งรายอื่นในอุตสาหกรรม

โดยในโลกยุคดิจิทัลทุกบริษัทมีการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงต้องเกิดขึ้นเพื่อให้อยู่รอดในสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจในปัจจุบัน แต่ความเป็นอยู่ของพนักงานจะต้องดีขึ้น หมายถึงองค์กรต้องเจริญขึ้นซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องช่วยกันผลักดัน สิ่งที่ต้องทำคือการบูรณาการด้านดาต้า หรือ ข้อมูลควบคู่กันไป

“ในแง่การบริหารขณะนี้ ลำดับความสำคัญของผมคือความปลอดภัยของพนักงาน บุรุษไปรษณีย์ พนักงานนำจ่ายต้องมาอันดับแรก การบริหาร ผมต้องทำให้ทุกคนปลอดภัยที่สุด แต่ก็ต้องมองว่า เราจะทำให้รายได้เรางอกเงยจากสิ่งที่ขาดหายไปตรงไหนได้บ้าง”