การ์ทเนอร์เปิด "3 ธีมหลัก" เขย่าวงจรเทคโนโลยีโลกใหม่!!
“การ์ทเนอร์” เปิด 3 ธีมเทคโนโลยี พลิกโฉมหน้าวงจรเทคโนโลยีโลกยุคใหม่ ประกอบด้วย 1.ความน่าเชื่อถือทางวิศวกรรม (Engineering trust) 2.การเติบโตอย่างเร่งด่วน (Accelerating growth) 3. การเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปร่าง (Sculpting change)
“การ์ทเนอร์” เปิด 3 ธีมเทคโนโลยี พลิกโฉมหน้าวงจรเทคโนโลยีโลกยุคใหม่ ประกอบด้วย 1.ความน่าเชื่อถือทางวิศวกรรม (Engineering trust) 2.การเติบโตอย่างเร่งด่วน (Accelerating growth) 3. การเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปร่าง (Sculpting change) ขณะที่ สินทรัพย์ดิจิทัลที่ทำซ้ำไม่ได้ (Nonfungible tokens - NFTs) มนุษย์ดิจิทัล (Digital Humans) และ Physics-Informed AI เข้ามาร่วมเป็น 25 เทคโนโลยีในวงจรเทคโนโลยีเกิดใหม่ของปีนี้
ไบรอัน เบิร์ค รองประธานฝ่ายวิจัย การ์ทเนอร์ อิงค์ ระบุว่า เทคโนโลยีต่างๆ ปีนี้ถูกคัดเลือก โดยพิจารณาถึงศักยภาพการสร้างประโยชน์ต่อการเปลี่ยนแปลง และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในวงกว้าง ภายใต้ 3 ธีมหลักดังกล่าว
1.ความน่าเชื่อถือทางวิศวกรรม ทีมไอทีในฐานะผู้นำการเปลี่ยนผ่านธุรกิจไปสู่ดิจิทัล ต้องออกแบบและพัฒนาแกนหลักธุรกิจให้เป็นที่มั่นใจให้ได้ ต้องมีทั้งความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือ สามารถทำซ้ำ พิสูจน์ ปรับขนาดได้ และมุ่งเน้นนวัตกรรม แนวทางปฏิบัติเหล่านี้จะสร้างแกนหลัก และรากฐานธุรกิจที่มีความยืดหยุ่นสำหรับไอทีเพื่อส่งมอบคุณค่าทางธุรกิจต่อไป
เช่น ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์แบบเรียลไทม์ รวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน องค์กรด้านความปลอดภัยแบบสาธารณะจะมีวิธีการเก็บรวบรวมฐานข้อมูล เซ็นเซอร์ วิดีโอ และมีระบบสื่อสารของตนสำหรับสร้างเป็นศูนย์บัญชาการฉุกเฉิน ลดความซับซ้อนของฟังก์ชันเรียลไทม์ของศูนย์บัญชาการ
อย่างไรก็ตาม บริการนี้ยังช่วยลดความซับซ้อนของฟังก์ชันเรียลไทม์ของศูนย์บัญชาการ โดยเริ่มต้นมาจากการสร้างศูนย์เรียลไทม์ยุคใหม่เพื่อลดปัญหาด้านอาชญากรรม อย่างไรก็ดีมีรูปแบบการนำไปใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น อาทิ นำไปใช้ในการจัดการไฟป่า ภัยธรรมชาติ กิจกรรมหรืองานพิเศษต่าง ๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งรับมือกับการแพร่ระบาด
ความท้าทายสำคัญของเทคโนโลยีนี้ คือ ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลทั้งหมด (อาทิ ข้อมูลพื้นฐาน วิทยุ IoT การแจ้งเตือนจำนวนมาก เครื่องอ่านป้ายทะเบียน และการติดตามตำแหน่งทางภูมิศาสตร์) ซึ่งศูนย์ฯ ลักษณะนี้ ยังสามารถปรับปรุงและพัฒนาให้รับมือกับเหตุฉุกเฉินได้ เทคโนโลยีอื่น ๆ ที่อยู่ในแกน “ความน่าเชื่อถือทางวิศวกรรม” ได้แก่ Sovereign Cloud, Homomorphic Encryption และ Data Fabric.
2. การเติบโตอย่างเร่งด่วน (Accelerating growth) ผู้นำไอทีและซีไอโอต้องมุ่งเน้นที่ความคิดริเริ่มใหม่ๆ สำหรับใช้ขับเคลื่อนการเติบโตให้กับองค์กร นั่นคือการสร้างสมดุลระหว่างความเสี่ยงทางเทคโนโลยีกับความเสี่ยงทางธุรกิจ และต้องสร้างความมั่นใจได้ว่าเป้าหมายการเติบโตขององค์กรยังคงเป็นไปได้และจะบรรลุผลสำเร็จตามแผน
ลองพิจารณาถึง มนุษย์ดิจิทัล (Digital Humans) ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้คนในแบบดิจิทัล เทคโนโลยีนี้มอบโอกาสให้บุคคลที่ได้รับใบอนุญาตและเปิดช่องทางหารายได้ใหม่ เขาสามารถเป็นอวาตาร์ หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ หรืออินเทอร์เฟซผู้ใช้ในกระดานการสนทนา อาทิ แชทบ็อต หรือลำโพงอัจฉริยะ การโต้ตอบลักษณะนี้ขับเคลื่อนด้วยเอไอ โดยมีพฤติกรรมแบบเดียวกับมนุษย์พัฒนามาจากเทคโนโลยีต่าง ๆ รวมถึงแอนิเมชั่น 3 มิติแบบเรียลไทม์อัตโนมัติ
หรืออินเทอร์เฟซผู้ใช้ในกระดานการสนทนา อาทิ แชทบ็อตหรือลำโพงอัจฉริยะ ซึ่งการโต้ตอบในลักษณะนี้ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI โดยมีพฤติกรรมแบบเดียวกับมนุษย์ ซึ่งพัฒนามาจากเทคโนโลยีต่าง ๆ รวมถึง UI การสนทนา CGI และแอนิเมชั่น 3 มิติแบบเรียลไทม์อัตโนมัติ
มีรูปแบบการใช้งานเกิดขึ้นมากมายสำหรับเทคโนโลยีฮิวแมนนอยด์ในการฝึกอบรมของฝ่ายบุคคล การสื่อสาร การดูแลทางการแพทย์ และการบริการลูกค้า โควิด-19 ผลักดันศักยภาพของเทคโนโลยีและเปิดประสบการณ์ไร้สัมผัส เพื่อต่อสู้กับความโดดเดี่ยวทางด้านสังคมและการดูแลผู้สูงอายุ มนุษย์ดิจิทัลได้ปรากฏตัวในภาพยนตร์สารคดี แสดงในงานประชุม และทำหน้าที่เป็นผู้มีอิทธิพลต่อแบรนด์
นอกเหนือจากเทคโนโลยีที่ยังพัฒนาไปไม่สุดแล้ว ยังมีอุปสรรคทางสังคมและความกังวลด้านจริยธรรมที่ฉุดรั้งและสร้างความท้าทายให้กับมนุษย์ดิจิทัล แต่ศักยภาพในการสร้างผลกระทบและความแตกต่างทางธุรกิจกำลังผลักดันให้บางองค์กรไล่ตามเทคโนโลยีนี้ เทคโนโลยีเกิดใหม่อื่นๆ ที่อยู่ภายใต้ธีม “การเติบโตอย่างเร่งด่วน” เช่น Multi-experience, Industry Cloud และ Quantum
3. การเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปร่าง (Sculpting change) การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ กุญแจสำคัญคือเราต้องตระหนักถึงการหยุดชะงักและนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อปรับแต่งและจัดการกับสิ่งใดก็ตามที่อาจก่อให้เกิดความปั่นป่วน โดยคุณต้องคาดการณ์และปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงเพื่อลดความเสี่ยง
ตัวอย่างเช่น เทคโนโลยี Physics-Informed AI (PIAI) คือ AI ที่ใช้สร้างแบบจำลองทางกายภาพและทางวิทยาศาสตร์ได้ โดย PIAI ได้รับความสนใจเป็นพิเศษในฐานะตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นสำหรับการสร้างแบบจำลองในระบบที่มีความซับซ้อน เช่น ปัญหาด้านสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม ซึ่งยากต่อการสร้างแบบจำลองเมื่อพิจารณาจากรายละเอียด
โมเดล AI ดิจิทัลแบบดั้งเดิมมีความสามารถในการปรับตัวที่จำกัด เนื่องจากไม่สามารถสรุปข้อมูลทั่วไปได้นอกเหนือจากข้อมูลที่ถูกป้อนและสอนมา PIAI สร้างรูปแบบการนำเสนอในบริบทของผลิตภัณฑ์ทางกายภาพที่เชื่อถือได้มากขึ้น โควิด-19 ชี้ให้เห็นถึงจุดอ่อนของโมเดลธุรกิจที่เปราะบาง แต่ PIAI สร้างรูปแบบการนำเสนอในบริบทและนำเงื่อนไขต่าง ๆ มาปรับใช้เพื่อช่วยให้ระบบทำงานได้ยืดหยุ่นมากขึ้น ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้างระบบที่ปรับเปลี่ยนได้ นอกจากนี้ยังสามารถสร้างระบบจำลองการทำธุรกิจที่มีความแข็งแกร่งและปรับแต่งได้ โดยมีความน่าเชื่อถือสำหรับสถานการณ์ที่หลากหลายยิ่งขึ้น เทคโนโลยีเกิดใหม่อื่น ๆ ในธีมนี้ ประกอบด้วย Composable Applications, Composable Networks และ Influence Engineering.
"มีเทคโนโลยีล้ำหน้าเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นความท้าทายแม้กระทั่งองค์กรที่เน้นนวัตกรรมเป็นหลักการที่องค์กรต่างๆ มุ่งเรื่องการเปลี่ยนผ่านธุรกิจไปสู่ดิจิทัล หมายความว่า คุณต้องเร่งสปีดในการเปลี่ยนแปลง และก้าวข้ามผ่านเทคโนโลยีที่กำลังมาแรงเหล่านี้ด้วย” ไบรอัน ระบุ
ยกเคสประมูลผลงานด้วย "เงินดิจิทัล"
อย่างไรก็ตาม ไบรอัน ยกตัวอย่างว่า เมื่อต้นปีบริษัทรับจัดประมูลชั้นนำอย่าง “คริสตีส์” ได้เปิดประมูลผลงานชิ้นเอกสองชิ้น ซึ่งการประมูลครั้งนี้เปิดรับสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) ด้วย พร้อมยังเสนอขายงานศิลปะที่สร้างสรรค์ด้วยดิจิทัลโดยใช้เทคโนโลยี nonfungible token (NFT)
ผลงานของศิลปินดิจิทัล “บีเพิล (Beeple)” สามารถขายได้สูงกว่า 69 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือประมาณ 2,300 ล้านบาท) ซึ่งนี่เป็นส่วนหนึ่งของวิธีการสร้างรายได้แบบใหม่ และมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นระบบนิเวศดิจิทัลใหม่ทั้งหมด
NFT เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลบนบล็อกเชนที่มีความเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับทรัพย์สินในโลกความเป็นจริง เช่น ศิลปะดิจิทัลหรือดนตรีดิจิทัล รวมถึงสินทรัพย์ต่าง ๆ ที่จับต้องได้และแปลงเป็นเหรียญโทเคน อาทิ บ้านหรือรถยนต์ ในกรณีของผลงานศิลปะ เทคโนโลยี NFT จะตรวจสอบที่มา ความเป็นเจ้าของ และการเข้าถึง ซึ่ง NFTs จะใช้บล็อกเชนสาธารณะที่ไม่สามารถแก้ไขหรือดัดแปลงได้ ในเดือนที่ผ่านมาตลาดนี้มีมูลค่าสูงมากกว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือประมาณ 1 หมื่นล้านบาท)
NFTs ยังเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีเกิดใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในวงจรการพัฒนาเทคโนโลยีเกิดใหม่ของการท์เนอร์ในปี 2564 ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีเทคโนโลยีสุดล้ำถึง 25 รายการที่จะส่งผลกระทบอย่างยิ่งใหญ่ต่อการทำธุรกิจและสังคมในช่วงสองถึงสิบปีข้างหน้านี้