เปิด 6 ความท้าทาย’เทคโนโลยี ขวางการสร้างนวัตกรรมใหม่

เปิด 6 ความท้าทาย’เทคโนโลยี  ขวางการสร้างนวัตกรรมใหม่

สถานการณ์ที่ไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่าบริษัทต่างๆ จำเป็นต้องเพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัว และสร้างสรรค์นวัตกรรม ในเวลาอันรวดเร็วและครอบคลุม

เพื่อให้ธุรกิจสามารถอยู่รอด และประสบความสำเร็จในโลกยุคนี้ และที่แน่ๆ คือ เรื่องนี้ไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้คนในแวดวงธุรกิจแต่อย่างใด

ปี 2564 แม้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันครั้งใหญ่เกิดขึ้นต่อวงการธุรกิจ แต่ก็มีปัญหาท้าทายใหม่ทางด้านเทคโนโลยีบางประการที่จำเป็นจะต้องหยิบยกมาพิจารณา

“เติมศักดิ์ วีรขจรพงษ์” รองประธานภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอาท์ซิสเต็มส์ กล่าวว่า บริษัทได้สำรวจปัญหาท้าทายด้านเทคโนโลยี 6 ข้อ ที่ผู้บริหารจำเป็นต้องศึกษารายละเอียดเพิ่ม เพื่อสามารถแก้ปัญหาและประสบความสำเร็จ ปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่ดิจิทัล หรือการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น

1.การพัฒนา Custom Code เป็นเรื่องยาก ปัจจุบันการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นส่วนใหญ่ ใช้โค้ดที่พัฒนาขึ้นเอง หรือ Custom Code แต่การเขียนโค้ดประเภทนี้ กลายเป็นเรื่องยากมากขึ้นกว่าอดีต และสุดท้ายแล้วโครงการจำนวนมาก ต้องล้มเหลวเนื่องจากเหตุผลการพัฒนาด้วย Custom Code นี้ ทุกวันนี้ นักพัฒนาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการจัดการและดูแลรักษาโค้ดที่มีอยู่ แทบไม่มีเวลาเหลือสำหรับการสร้างสรรค์สิ่งใหม่

 

2.ช่องว่างด้านทักษะ เป็นเรื่องยากที่จะสรรหานักพัฒนาให้เพียงพอสำหรับการดำเนินโครงการต่าง ๆ ตามที่บริษัทต้องการ รายงาน Speed of Change: How Fast Are You ระบุว่า บริษัทส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะมีการพัฒนาด้านดิจิทัล และความคล่องตัวระดับใดก็ตาม ล้วนประสบปัญหาขาดแคลนทักษะและบุคลากร ซึ่งเป็นอุปสรรคขวางการปรับใช้สถาปัตยกรรมไอทีที่ทันสมัยในเวลาอันรวดเร็ว ไม่สามารถเพิ่มความคล่องตัวให้ธุรกิจได้อย่างที่ควรจะเป็น

แม้กระทั่งบริษัทชั้นนำในซิลิคอนวัลเลย์ก็ยังประสบปัญหาเกี่ยวกับการว่าจ้างนักพัฒนาภายในกรอบเวลาที่รวดเร็ว และปัญหานี้ก็ยิ่งซับซ้อนมากขึ้นไปอีกสำหรับบริษัทที่ไม่น่าดึงดูดใจในสายตาของนักพัฒนา

3.เทคโนโลยีที่แยกเป็นส่วนๆ ไม่เชื่อมต่อกันภายในบริษัท ความท้าทายนี้เกิดขึ้นกับหลายบริษัท ที่อยู่ในระยะเริ่มแรกของโครงการดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น การใช้เครื่องมือมากมายที่ไม่เชื่อมต่อกัน ส่งผลให้เกิดระบบต่างๆ ที่แยกออกจากกัน นำไปสู่ทางตันในท้ายที่สุด

4.หนี้ทางเทคนิค  หมายถึง เทคโนโลยีที่ถูกติดตั้งใช้งานเพื่อประโยชน์ในระยะสั้น ซึ่งมักจะเป็นผลมาจากการด่วนตัดสินใจโดยขาดความรอบคอบ แทนที่จะพัฒนาระบบอย่างรอบด้านในลักษณะที่ถูกต้องเหมาะสม

ผลศึกษาล่าสุด ประเมินว่าหนี้ทางเทคนิค อาจก่อให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายประมาณ 5 ล้านล้านดอลลาร์ ต่อองค์กรธุรกิจในช่วง 10 ปีข้างหน้า องค์กร ต้องใช้จ่ายเงินจำนวนดังกล่าวไปกับการปรับแก้และดูแลรักษาโค้ดที่เคยถูกเขียนขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานระยะสั้น เท่ากับงบประมาณกว่า 500 ล้านดอลลาร์ต่อวันที่สามารถนำไปใช้ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการคิดค้นไอเดียใหม่ๆ เพื่อชิงตัดหน้าคู่แข่ง

5. คลาวด์คอมพิวติ้ง ระบบคลาวด์ให้ประโยชน์มากมายแก่องค์กร ไม่ว่าจะเป็นการปรับขนาดของระบบได้ง่ายดาย แค่กดปุ่ม การเข้าถึงระบบจากทุกอุปกรณ์ ทุกที่ ทุกเวลา หรือการคิดค่าบริการตามระดับการใช้งานจริง อย่างไรก็ตาม การโยกย้ายไปสู่ระบบคลาวด์อาจไม่ใช่เรื่องง่าย อาจทำให้การดำเนินงานหยุดชะงัก กระทบต่อแผนพัฒนาธุรกิจในอนาคต

6.การก้าวให้ทันกับเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทุกคนตระหนักดีว่าการแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักในการดำเนินธุรกิจ สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมากขึ้น ก่อให้เกิดผลกระทบต่อตลาดอย่างกว้างขวาง ขณะที่เทคโนโลยีพัฒนาเปลี่ยนแปลงต่อเนื่อง บริษัทต่างๆ จึงจำเป็นต้องพิจารณา ถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อรูปแบบการใช้เทคโนโลยีของผู้คน

ที่เห็นได้อย่างชัดเจน  คือ ระบบ 5จี ก่อให้เกิดแอปพลิเคชันรูปแบบใหม่ๆ ในโลกธุรกิจ อุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพาการให้บริการภาคสนามหรือการกระจายสินค้าอาจได้รับผลกระทบอย่างมากจากเทคโนโลยี 5จี

อีกตัวอย่างหนึ่งเกี่ยวข้องกับอนาคตที่ไกลออกไป เป็นผลงานของอีลอน มัสก์ ส่วนที่เกี่ยวกับอินเทอร์เฟซ ระหว่างคนกับคอมพิวเตอร์ โดยบริษัท Neuralink Corporation กำลังศึกษาวิจัยเพื่อค้นหาวิธีการเชื่อมต่อสมองของมนุษย์เข้ากับคอมพิวเตอร์ ซึ่งเทคโนโลยีที่ว่านี้จะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อโลกของเราอย่างแน่นอน

ด้วยเหตุนี้ บริษัทต่าง ๆ จึงจำเป็นที่จะต้องสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมและก้าวให้ทันกับความก้าวหน้าใหม่ ๆ ทางด้านเทคโนโลยี ซึ่งถึงแม้ในตอนนี้อาจดูเป็นเรื่องที่ไกลตัว แต่ก็ไม่แน่ว่าอาจจะกลายเป็นโลกวิถีใหม่หรือ New Normal ในวันข้างหน้าก็เป็นได้