โรดแมป ‘ไลน์แมนวงใน’ ดันบริษัท เทียบชั้น ‘เทคคอมพานี’ โลก
ในบรรดาสตาร์ตอัปไทยที่สามารถพยุงตัวเองให้อยู่รอด กระทั่งก้าวขึ้นมาถึงระดับ “ยูนิคอน” ซึ่งทุกวันนี้มีอยู่เพียงไม่กี่ราย “ไลน์แมนวงใน (LINE MAN Wongnai)” นับเป็นบริษัท “เทคสตาร์ตอัพ” ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ด้วยมูลค่าบริษัทมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์...
ภัทราวุธ ซื่อสัตยาศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี ไลน์แมนวงใน หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Wongnai กำลังสำคัญที่ผลักดันบริษัทให้กลายเป็นยูนิคอร์นได้สำเร็จ เล่าว่า ไลน์แมนวงในมีพันธกิจที่จะผลักดันให้บริษัทกลายเป็น “Thailand’s Most Inspiring Tech Company” ที่สามารถขับเคลื่อนธุรกิจในไทยอย่างแข็งแกร่งพร้อมสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมในวงกว้าง
พร้อมกันนี้ ลุยสร้างบริการ “Made in Thailand” ย้ำภาพการเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในไทย ภายใต้เป้าหมายคือ พัฒนาเทคโนโลยีที่มีมาตรฐานระดับโลก
รุกขยายทีมเทคโนโลยีเต็มขั้น
สำหรับแผนการลงทุนด้านเทคโนโลยีในขั้นถัดไปหลังการระดมทุนซีรี่ส์บีในปี 2565 ตั้งเป้าขยายทีมงานเทคโนโลยีจาก 350 คนเป็น 450 คนภายในครึ่งปีแรกของปี 2566 และเพิ่มสัดส่วนพนักงานระดับอาวุโส (Senior) อีกจำนวนมากทั้งคนไทยและต่างชาติ
ทั้งนี้ เพื่อรองรับการเติบโตของแพลตฟอร์มที่จะขยายพื้นที่บริการฟู้ดเดลิเวอรีให้ลึกยิ่งขึ้น รวมถึงพัฒนาบริการใหม่ๆ อีกจำนวนมากในรูปแบบ “E-commerce Platform for Services”
โดยมีกลยุทธ์คือ ดึงดูด-รักษา-พัฒนาทีมงานเทค ตั้งแต่กระบวนการค้นหาคนที่ใช่อย่างเข้มข้น เปิดพื้นที่แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ระหว่างทีมงาน สร้างบรรยากาศการทำงานที่ท้าทาย ให้ผลตอบแทนที่สมเหตุสมผล มีสวัสดิการที่สนับสนุนการใช้ชีวิตหลากหลาย จากทั้งหมดกว่า 90% เป็นคนไทย มีแผนที่จะดึงบุคลากรที่มีความสามารถจากต่างชาติเข้ามามากขึ้น
พร้อมกันนี้ เข้าไปมีส่วนร่วมผลักดัน “Developer Community” ในไทย ด้วยการสนับสนุนทั้งองค์ความรู้และประสบการณ์เพื่อพัฒนาชุมชนนักพัฒนาในไทยให้เติบโตไปพร้อมกัน
เทียบชั้นแพลตฟอร์มระดับโลก
สำหรับโครงสร้างทีมเทคโนโลยีแบ่งเป็น 3 ทีมใหญ่ๆ ได้แก่ ทีมเอนจิเนียริง, ทีมโปรดักส์ และทีมดาต้า โดยมุ่งสร้างประสบการณ์การใช้งานดีขึ้น ประกอบด้วย 1.ผู้ใช้มีชีวิตที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นผ่านบริการออนดีมานด์ 2.ร้านค้าพันธมิตรสามารถสร้างยอดขายและเพิ่มการเติบโต
ขณะที่ 3.ไรเดอร์สามารถสร้างอาชีพ มีรายได้บนแพลตฟอร์มอย่างยั่งยืน นอกจากสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพฯ ได้เริ่มขยายสาขาสำหรับทีมเทคโนโลยีไปที่จังหวัดเชียงใหม่ด้วย
ซีทีโอไลน์แมนวงในเปิดใจว่า กลยุทธ์ดึง “Tech Talent” จำนวนมากมาสู่บริษัทนี้ เป็นส่วนสำคัญของการระดมทุนรอบล่าสุดในซีรีส์บี โดยเป็นแผนระยะกลางถึงระยะยาวที่จะมีการสร้างการเติบโตทั้งในเชิงธุรกิจและโปรดักส์โรสแมป ซึ่งรวมไปถึงบริการด้านการเงิน บริการสำหรับร้านค้า และระบบงานหลังบ้านต่างๆ รองรับผู้ใช้งานและพาร์ทเนอร์ในอีโคซิสเต็ม เบื้องต้นคาดว่าช่วงปีหน้าจะได้เห็นบริการใหม่ๆ ทยอยเปิดตัวออกมา
“หลังการระดมทุนซีรีส์บีที่นำโดยจีไอซีและไลน์ บริษัทตั้งเป้าสู่การเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซด้านบริการครบวงจร ทั้งส่งอาหาร สินค้า แท็กซี่ เมสเซนเจอร์ รีวิวร้านอาหาร บริการด้านการเงิน และโซลูชันสำหรับร้านอาหาร”
ดึง ‘เอไอ’ เสริมแกร่งบริการ
ภัทราวุธเผยว่า การขับเคลื่อนแพลตฟอร์มระดับประเทศพร้อมยกระดับการบริการให้เทียบชั้นแพลตฟอร์มระดับโลก ความท้าทายหลักๆ จะมาจากการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล เพื่อเข้าไปแข่งขันกับผู้เล่นขนาดใหญ่ ภายใต้โจทย์คือทำอย่างไรถึงแข่งขันได้อย่างทัดเทียมภายใต้ข้อจำกัดที่บุคลากรน้อยกว่า ซึ่งประเด็นนี้บริษัทจะใช้จุดแข็งจากการที่มีฐานข้อมูลร้านค้า ลูกค้า และความเข้าใจตลาดประเทศไทยมาเป็นตัวจักรในการขับเคลื่อน
ด้านการบริหารต้นทุนและความอยู่รอดในภาวะที่บริษัทด้านอีคอมเมิร์ซและหลายๆ บริษัทในแวดวงเทคโนโลยีมีการลดคน ทางไลน์แมนวงได้พยายามกระชับขนาดองค์กรให้เหมาะมากที่สุด ขณะเดียวกันใช้คนอย่างมีประสิทธิภาพ ต่อคนสามารถทำงานได้หลากหลาย ไม่ได้เฉพาะเจาะจงมากจนเกินไป
สำหรับแผนงานจากนี้จะมีการนำเทคโนโลยีเอไอมาปรับใช้และผสมผสานไปกับงานในทุกส่วน เพื่อช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล การพัฒนาด้านการตลาด โดยที่มองไว้หลักๆ คือการสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคล รวมถึงใช้ประโยชน์จากดาต้าเพื่อวิเคราะห์ และนำไปยกระดับบริการ หรือพัฒนาบริการใหม่ๆ ออกสู่ตลาด
ไลน์แมนวงในมีผู้ใช้งานคนไทย 10 ล้านคนใช้งานทุกวัน และมีความถี่ในการใช้งานวันละหลายครั้ง ภายในอีโคซิสเต็ม ประกอบไปด้วย 3 ส่วน ได้แก่ ผู้ใช้งาน, ร้านค้า และไรเดอร์