‘ทรู’ มาร์เก็ตแคปพุ่ง ‘ 2.94 แสนล้าน’ แยก 'แบรนด์ดีแทค' 3 ปี - ตรึงค่าโทร
ทรู คอร์ปอเรชั่น ผงาดขึ้นเบอร์ 1 หลังดีลควบรวมสำเร็จ แบ็คหนุนหลังสุดแกร่ง “ซีพี-เทเลเนอร์” ยันยังคงแบรนด์ “ทรู”และ“ดีแทค” แยกทำตลาดไม่น้อยกว่า 3 ปี ย้ำ “ไม่รวมคลื่น ไม่รวมทรัพย์สิน” ใช้เน็ตเวิร์กระหว่างกันผ่าน “โรมมิ่ง” การันตีค่าโทรไม่แพง
Key Points :
- ดีลทรูควบดีแทค นับเป็นการควบรวมกิจการโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- มูลค่าของกิจการ (Market Capitalization) ที่มีตัวเลขสูงถึง 2.94 แสนล้านบาท
- แยกทำตลาดไม่น้อยกว่า 3 ปี ย้ำ “ไม่รวมคลื่น ไม่รวมทรัพย์สิน” ใช้เน็ตเวิร์กระหว่างกันผ่าน “โรมมิ่ง” การันตีค่าโทรไม่แพง
ดีลทรูควบดีแทค นับเป็นการควบรวมกิจการโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากมูลค่าของกิจการ (Market Capitalization) ที่มีตัวเลขสูงถึง 2.94 แสนล้านบาท วันนี้การควบรวมเสร็จสมบูรณ์ภายใต้บริษัทใหม่ "ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พลิกศักราชใหม่อุตสาหกรรมโทรคมไทย ด้วยฐานลูกค้าจากทรูมูฟ เอช และดีแทค รวมกัน 55 ล้านราย ผงาดขึ้นเบอร์ 1 ทันที ปักธงสู่ผู้นำด้านโทรคมนาคม และเทคโนโลยีของไทย
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ได้ดำเนินการควบรวมเป็นบริษัทใหม่เรียบร้อย โดยได้รับหนังสือรับรองบริษัทใหม่ตามที่ยื่นจดทะเบียนต่อนายทะเบียนบริษัทมหาชนจำกัด กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์อย่างเป็นทางการ
วานนี้ (2 มี.ค.) ทรู จัดแถลงข่าวใหญ่ต่อสื่อมวลชน ถึงทิศทางธุรกิจภายใต้บริษัทใหม่นับจากนี้ ขณะที่ ที่ช่วงเช้า นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานเครือซีพี ได้ขึ้นทาวน์ฮอลล์ ชี้แจงการดำเนินงานภายใต้บริษัทใหม่ เป็นการหลอมรวมพนักงาน ทรู และดีแทค ร่วมกับนายเยอเก้น โรสทริป รองประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารภูมิภาคเอเซีย ของเทเลนอร์ พร้อมด้วยผู้บริหารของทั้ง 2 บริษัท ด้วยคอนเซปต์ปลุกใจ “Better Together ชีวิตดีกว่าเมื่อมีกันและกัน”
ปลดล็อคสู่การเติบโตทางธุรกิจ
นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วิสัยทัศน์การมุ่งเป็นผู้นำเทคโนโลยีโทรคมนาคม ที่จะเปลี่ยนผ่านวิถีชีวิตคนไทย และขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวสู่แถวหน้าของเศรษฐกิจดิจิทัล ได้ออกจากกรอบความคิดแบบเดิมในการทำธุรกิจโทรคมนาคมปลดล็อกสู่การเติบโตในระยะยาว และปูทางให้ประเทศไทยก้าวสู่ตำแหน่งที่ดีที่สุดที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดในโลกดิจิทัลของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การสร้างบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีใหม่ครั้งนี้ ได้นำสิ่งที่ดีที่สุดของทั้งทรู และ ดีแทค มาผนึกรวมกัน เพื่อขยายขนาดขึ้น และการส่งมอบคุณค่าที่มากขึ้น รวมทั้งเพิ่มขีดความแข็งแกร่งจากผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้งจากองค์กรไทย คือ เครือเจริญโภคภัณฑ์ และบริษัทชั้นนำระดับโลกอย่างเทเลนอร์ กรุ๊ป
แยกแบรนด์3ปี -ค่าบริการไม่ขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทใหม่จะได้ประโยชน์จากการผนึกกำลังร่วมกันทั้งด้านการลงทุนและรายได้ ซึ่งจะขับเคลื่อนร่วมกัน อาทิ โครงข่ายโทรคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เครือข่ายไอที การจัดซื้อ การขาย การตลาด ช่องทางการค้าปลีก และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน โดยจะนำสู่สมดุลความเสมอภาคและความเท่าเทียมในการแข่งขัน แต่ในส่วนของการให้บริการนั้น ยังยืนว่า ทรูและดีแทคยังคงแยกแบรนด์การทำตลาดแน่นอนอย่างน้อย 3 ปี
“อาจจะมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า หากรวมกันแล้วราคาค่าบริการจะสูงขึ้น จริงๆ อยากให้เข้าใจว่าราคาไม่ได้แพงขึ้น ทั้งที่เป็นแพ็คเกจและโปรโมชั่น ซึ่งราคาที่ออกมาเป็นไปตามการกำกับของ กสทช. โดยในวันฉลองการควบรวมเรายังให้ลูกค้า 5จี ฟรี 10 กิกด้วย"
นอกจากนี้ บริษัทใหม่จะร่วมกับพันธมิตรระดมทุนจำนวน 200 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 7.3 พันล้านบาท ในจัดตั้งกองทุน Venture Capital (VC) รวมทั้งจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมที่สนับสนุนผู้ประกอบการดิจิทัล เพื่อวางรากฐานสำหรับผลักดันสู่อนาคตของสตาร์ตอัปไทยในระดับยูนิคอร์น
ยันลูกค้าใช้คลื่น4จี-5จีผ่าน“โรมมิ่ง”
นายชารัด เมห์โรทรา รองประธานคณะผู้บริหาร ทรู กล่าวว่า พันธกิจองค์กร คือ เร่งพัฒนาระบบนิเวศด้านเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง สนับสนุนคนเก่งรุ่นใหม่ด้านดิจิทัล และนำเสนอนวัตกรรมบริการเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกค้า ตลอดจนสร้างสังคมที่เติบโตอย่างยั่งยืน
“เราจะมุ่งสร้างศักยภาพให้ธุรกิจ และก้าวสู่ความเป็นผู้นำในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล บริษัทใหม่ มุ่งสู่ผู้นำด้านโครงข่ายอย่างแท้จริง จะขยายโครงข่าย 5จี ครอบคลุม 98% ของประชากร ในปี 2569 พร้อมพัฒนา และขยายเครือข่ายทั่วประเทศ ทั้งนี้ ตามรายงานโดยการวิจัยของ GSMA คาดว่า 5จีจะช่วยผลักดันการเติบโตของจีดีพีในประเทศไทยที่มูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.7 แสนล้านบาท) ในปี 2573”
ทั้งนี้ ทรู จะให้บริการธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายใต้แบรนด์ “ทรู” และ “ดีแทค” โดยลูกค้าสามารถใช้สัญญาณคุณภาพดีขึ้นทันทีจากสัญลักษณ์เครือข่าย dtac-True และ True-dtac บนหน้าจอมือถือ ซึ่งเป็นก้าวแรกในการพัฒนาคุณภาพสัญญาณโมบายอินเทอร์เน็ตด้วยการ “โรมมิ่ง” สัญญาณข้ามโครงข่าย เพื่อใช้งาน 5จี และ 4จี บนคลื่น 2600 เมกะเฮิรตซ์ และ 700 เมกะเฮิรตซ์
ลูกค้าดีแทคสามารถใช้งาน 5จี บนคลื่น 2600 เมกะเฮิรตซ์ และลูกค้าทรูสามารถใช้งาน 4จี และ 5จี คลื่น 700 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งเปิดให้บริการแล้ว ทั้งนี้จะขยายครบทั้ง 77 จังหวัดประมาณกลางมีนาคมนี้
“เรามีเป้าหมายสูงสุดในการส่งมอบสินค้าและบริการที่ดียิ่งกว่าเดิมสำหรับผู้บริโภค และจะดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดและการแข่งขันที่สูงเพื่อลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุด ทั้งการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ครอบคลุมถึงธุรกิจบริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต โทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก และบริการดิจิทัล พร้อมด้วยสิทธิประโยชน์เพื่อลูกค้าต่อเนื่อง”
ผสานพลังเดินหน้า 7 กลยุทธ์หลัก
นอกจากนี้ ยังได้กำหนด 7 กลยุทธ์หลัก มุ่งสู่เป้าหมายขององค์กร เพื่อนำประเทศไทยสู่อนาคตดิจิทัล ประกอบด้วย
1.ผู้นำด้านโครงข่ายโทรคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอย่างแท้จริง ผสานศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานของบริษัทใหม่ ทั้งโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคม อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมดิจิทัล ทั้ง IoT, AI Analytic, Machine Learning, Cyber Security
2.เติบโตเป็นผู้นำนอกเหนือจากบริการหลัก เพื่อส่งมอบคุณค่า และประสบการณ์ที่เหนือกว่า นอกจากการเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานแล้ว โดยจะมุ่งพัฒนานวัตกรรมด้านดิจิทัล โซลูชัน รวมถึงระบบนิเวศดิจิทัลที่ครบวงจร พร้อมร่วมขับเคลื่อนเพื่อสร้างความเท่าเทียมทางดิจิทัลในทุกภาคส่วน
3.สร้างมาตรฐานประสบการณ์ใหม่เพื่อลูกค้าในประเทศไทย ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัล มาช่วยในการวิเคราะห์ เติมเต็มไลฟ์สไตล์ลูกค้าได้ตรงใจมากขึ้น ทั้งการนำเสนอสินค้าบริการ การมอบสิทธิพิเศษ ตลอดจนช่องทางการเข้าถึง O2O ผ่านการผนึกพลังทั้งออฟไลน์ในเครือทั่วประเทศและออนไลน์แบบ 24 ชม.
4.เติมเต็มชีวิตอัจฉริยะยิ่งขึ้นเพื่อทุกสไตล์ลูกค้าชาวไทย จะส่งมอบประสบการณ์ชีวิตอัจฉริยะเพื่อคนไทย ยกระดับวิถีชีวิต และไลฟ์สไตล์ทั้งความสะดวกสบาย การดูแลสุขภาพ ความปลอดภัย และการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า
5.ยกระดับมาตรฐานสำหรับลูกค้าองค์กร บริษัทใหม่จะเร่งขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของภาคธุรกิจทั้งลูกค้า SME ธุรกิจองค์กรและภาคอุตสาหกรรม นำเทคโนโลยีดิจิทัลต่าง ๆ อาทิ IoT, Robotics, AI Analytics และ Blockchain
6.สร้างสุดยอดองค์กรที่น่าทำงาน ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการทำงาน ดึงดูดคนเก่งที่มีความรู้ความสามารถจากทั่วโลก เป็นองค์กรที่สนับสนุนกลุ่มคนหลากหลาย ผสานความแตกต่าง ควบคู่กับการสร้างคนให้มีจิตวิญญาณเป็นเจ้าของกิจการ เป็นที่ทำงานที่ตอบโจทย์ความคาดหวังของผู้มีความสามารถ (Talent) ทุกเจเนอเรชัน พร้อมกับมีสวัสดิการและสุขภาวะที่ดี (Well being)
และ 7. การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เพิ่มคุณค่าขับเคลื่อนองค์กรในระยะยาว มุ่งเน้นการนำศักยภาพด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม มาร่วมสร้างคุณค่าที่แท้จริงให้กับทุกชีวิต นำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ครอบคลุมทั้งมิติด้าน สิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล