เมื่อโลกกำลังเปลี่ยน 'นโยบายพัฒนาคน' ของพรรคการเมืองจึงสำคัญ
สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากสำหรับผู้คนในอนาคตคือ การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี การเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0โดยเฉพาะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเอไออย่าง Generative AI เช่น ChatGPT กำลังทำให้ผู้คนต้องเร่งปรับตัวอย่างรวดเร็วกับการทำงานในรูปแบบใหม่ๆ
ผมเห็นนโยบายการหาเสียงเลือกตั้งของพรรคการเมืองต่างๆ ในช่วงนี้ก็ยังเน้นเรื่องของประชานิยมเหมือนกับการเลือกตั้งที่ผ่านๆ มาเหมือนเดิม ในด้านของเทคโนโลยีก็อาจยังเน้นเรื่องของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน หรือบางพรรคมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มากล่าวถึงว่าจะนำมาใช้งาน แต่ก็ยังมองไม่ค่อยเห็นว่าในทางปฏิบัติจะทำอย่างไร นอกจากจะเป็นการทำให้ดูดีมีเรื่องใหม่ๆ ในการนำมาหาเสียงเสียมากกว่า
สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากสำหรับผู้คนในอนาคตคือ การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี การเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0โดยเฉพาะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเอไออย่าง Generative AI เช่น ChatGPT กำลังทำให้ผู้คนต้องเร่งปรับตัวอย่างรวดเร็วกับการทำงานในรูปแบบใหม่ๆ ต้องพร้อมที่จะเข้าทำงานร่วมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ และต้องปรับทักษะในการทำงานอย่างมาก หากเราไม่มีนโยบายในการพัฒนาคนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ให้ดีพอ เราคงจะแข่งขันในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างลำบาก
เทคโนโลยี ที่กำลังเปลี่ยนไปทำให้เริ่มเห็นได้ว่า สิ่งที่เด็กกำลังเรียนอยู่ในโรงเรียนปัจจุบันอาจไม่สอดคล้องกับ การเปลี่ยนแปลงของโลก และมีการคาดการณ์จากรายงานของ บริษัท Dell และ The Institute for the Future ว่า งานที่จะเกิดขึ้นในปี 2030 มากกว่า 85% ยังไม่ถูกสร้างขึ้น กล่าวคือ เรายังไม่รู้ว่าในอนาคตงานจะเป็นรูปแบบใดและไปทางด้านใด จากนี้ไปมีแนวโน้มว่าหลายอาชีพจะหายไปและมีงานใหม่ๆ เกิดขึ้นอีกจำนวนมาก
ดังนั้น ทักษะและประสบการณ์ที่ต้องการจากแรงงานในอนาคตจะแตกต่างจากที่มีอยู่ในปัจจุบัน มนุษย์อาจต้องทำงานกับเครื่องจักรและระบบไอเอ ดังนั้นเราจำเป็นต้องพัฒนาทักษะทำให้มนุษย์มีความสามารถเหนือเครื่องจักร ทักษะที่จำเป็นนอกเหนือจากทักษะดิจิทัลแล้วยังจะต้องมีทักษะใหม่ๆ อีกหลายด้าน เช่น การคิดอย่างมีวิจารณญาณ (Critical Thinking) ความสามารถในการตัดสินใจที่ซับซ้อน (Judgment and Complex Decision-Making) ความคิดสร้างสรรค์ ความเข้าใจความรู้สึกและปัญญาอารมณ์ การทำงานร่วมกันและการทำงานเป็นทีม ทักษะการเป็นผู้นำ หรือความตระหนักรู้เรื่องจริยธรรม เป็นต้น
เราเหลือเวลาน้อยกว่า 10 ปี ในการที่จะเตรียมประชากรของประเทศให้รองรับการเปลี่ยนครั้งสำคัญนี้ เราอาจต้องปรับหลักสูตรการเรียนการสอนครั้งใหญ่ ต้องปรับทักษะการทำงานของคนทั้งประเทศ ทุกเพศ ทุกวัย ไม่เว้นแต่ผู้สูงอายุที่จะต้องปรับตัวในการใช้ชีวิตหรือทำงานในโลกที่เปลี่ยนแปลงไป รัฐบาลชุดใหม่นี้จะมีเวลาทำงานอีกถึง 4 ปี และอาจสิ้นสุดในปี 2027 ซึ่งก็หมายความว่าถ้ารัฐบาลไม่เน้นนโยบายด้านการพัฒนาคนให้ดีพอ เราก็คงอาจสายเกินไปแล้ว ไม่สามารถที่จะทันการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอีก 7-8 ปีข้างหน้าได้ และอาจเป็นไปได้ว่าเทคโนโลยีพัฒนาเร็วกว่าที่คิดไปมาก อาจร่นเวลาการเปลี่ยนแปลงมาเหลือ 4-5 ปีก็เป็นไปได้
เรามักจะบอกกันว่า การบริหารบ้านเมืองอันจะก่อประโยชน์สุขแก่ประชาชนทุกหมู่เหล่าในประเทศนั้น ต้องไม่ใช้วิธีการเพียงแจกโน่นแจกนี่ ให้นั่นให้นี่อย่างที่เคยทำกันมา โดยไม่ยึดหลักการสำคัญในการพัฒนาเพื่อให้ทุกคนยืนอยู่ได้อย่างมั่นคง ช่วยตัวเองได้ในชีวิตความเป็นอยู่ อย่าเพียงแค่แจกปลาให้กับคนที่หิวโหยแล้วก็จากไป แต่ควรจะแจกเบ็ดตกปลา และสอนให้เขาหาปลาได้
สำหรับโลกในยุคปัจจุบัน การให้เบ็ดตกปลาก็อาจจะไม่เพียงพอแล้ว และอาจไม่สามารถใช้วิธีการเก่าๆ ในการหาปลาได้ เราคงต้องสอนทักษะใหม่ๆ ใช้เครื่องมือใหม่ๆ เพื่อให้เขาสามารถที่จะอยู่รอดได้ในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ดังนั้นนโยบายของพรรคการเมืองควรจะเน้นเรื่องการศึกษาในยุคใหม่ การ Upskill / Reskill ให้กับคนที่อยู่ในวัยทำงาน และต้องเน้นสร้างนโยบายการศึกษาตลอดชีวิตให้กับประชาชน มุ่งใช้งบประมาณจำนวนมากในการเร่งพัฒนาผู้คนมากกว่าที่จะมาสร้างนโยบายประชานิยมแจกเงินให้กับประชาชน และอยากจะเห็นว่าพรรคการเมืองออกมาชี้แจงว่าจะทุ่มเงินนับแสนล้านบาทในการพัฒนาผู้คนอย่างไร ซึ่งบอกตรงๆ ว่าผมแทบจะไม่เห็นเรื่องเหล่านี้ในนโยบายของพรรคการเมืองส่วนใหญ่เลย
ถึงเวลาหรือยังครับที่พรรคการเมืองควรจะยกเลิกนโยบายประชานิยมบางด้านไป แล้วเอาเงินที่จะใช้มาพัฒนาทักษะของผู้คนแทน