ความสุขยุคดิจิทัล
หันมองดูสถานการณ์ต่างประเทศวันนี้จะพบว่าโลกเรายังคงอยู่ในสถานะที่เปราะบางเหลือเกิน
ทั้งในแง่เศรษฐกิจและการเมืองที่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นทั่วโลก ในขณะที่บ้านเราเองก็ไม่แตกต่างกันทั้งการเมือง เศรษฐกิจและสังคม รวมถึงอุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัด
ประโยคที่เรามักทักทายกันอยู่เสมอว่า “สบายดีไหม” จึงตอบได้ยากกว่าเคย เพราะจะตอบว่าสบายดีก็ดูจะเสแสร้งไม่จริงใจนัก ถ้าตอบว่าไม่สบายเอาเสียเลยก็คงจะสร้างความกังวลใจให้ผู้อื่นไปเสียอีก แต่อย่างไรเสียเราจะหาคนที่ตอบว่า “ตอนนี้เยี่ยมมาก สุดยอดจริงๆ” ได้ยากพอ ชๆ กับการงมหาเข็มในมหาสมุทร
ในเมื่อเราใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความผันผวนที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและความเคร่งเครียดจากหน้าที่การงาน การแสวงหาความสุขในช่วงเวลานี้จึงดูเป็นเรื่องยากเหลือเกิน เพราะคนรอบข้างเรามีแต่คนที่วิตกกังวลหรือไม่ก็ซึมเศร้าเพราะผลกระทบที่เกิดขึ้น
แต่ในความเป็นจริงแล้วเราจะพบคนธรรมดา ๆ ทั่วไปที่ยังคงมีความสุขและมีรอยยิ้มอยู่ได้ทั้งที่ชีวิตไม่ได้มีอะไรเพียบพร้อม เป็นเพราะแต่ละคนมีนิยามของคำว่าความสุขที่ไม่เหมือนกันเลย คนไทยจำนวนหนึ่งอาจรู้สึกอิจฉาชาวต่างชาติโดยเฉพาะจากยุโรปหรืออเมริกาที่ประเทศของเขาพัฒนาแล้ว ประชากรจึงน่าจะมีความสุขสบายเพราะมีรายได้สูงและมีสวัสดิการที่ค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับเรา
ในขณะที่ชาวต่างประเทศเหล่านั้นก็อาจแปลกใจอยู่เช่นกันว่าทำไมคนไทยถึงดูมีความสุขได้ทั้งที่ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความขาดแคลนมากมายเมื่อเทียบกับเขา เพราะเขาก็มองว่าประเทศพัฒนาแล้วก็มักจะขาดแคลนความสุขภายในจนต้องหาจิตแพทย์มาช่วยบำบัดกันจนเป็นปกติ
ความสุขจึงไม่ใช่เรื่องของความรวยหรือความจนแต่ขึ้นอยู่กับนิยามที่ไม่เหมือนกัน เช่นเดียวกับที่ผมเคยเขียนไว้หลายครั้งว่าปัญหาที่เกิดขึ้นอาจเป็นความสนุกและความท้าทายสำหรับบางคน แต่อาจเป็นอุปสรรคที่น่าท้อแท้จนก่อให้เกิดภาวะซึมเศร้าในหลายๆ คน
สำหรับผมเองแล้ว ความสุขจึงเป็นส่วนผสมของหลายสิ่งหลายอย่าง ขึ้นอยู่กับมุมมองหรือทัศนคติที่แตกต่างกันไปซึ่งผมมีข้อสังเกตที่อยากนำมาฝากผู้อ่านทุกท่าน เริ่มจากข้อแรกนั่นคือความสุขต้องไม่เกิดจากการเปรียบเทียบตัวเรากับผู้อื่น
ลองนึกถึงเค้กที่มีผู้อื่นตักให้เราสักชิ้น เมื่อเราได้รับแน่นอนว่าต้องดีใจเพราะจะได้ทานขนมอร่อยๆ แต่พลันที่เราเห็นเค้กในจากคนอื่นที่มีขนาดใหญ่กว่า เราก็เริ่มเกิดความทุกข์ขึ้นในใจทันทีว่าเพราะอะไร เราถึงได้เค้กที่เล็กกว่าคนอื่น? คนตักไม่สนใจหรือไม่ให้ความสำคัญกับเราหรืออย่างไร?
ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว เค้กชิ้นที่เราได้นั้นก็ถือว่ามีขนาดพอเหมาะพอควรดีแล้ว คือไม่มากเกินไปและไม่น้อยเกินไป หากมากกว่านี้ก็อาจทำให้เราเสี่ยงเป็นโรคอ้วนหรือโรคเบาหวานได้ หรือถ้าเราได้เค้กชิ้นใหญ่ชิ้นนั้นมาจริง ๆ ก็อาจกินไม่หมดได้
ข้อสองความสุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับเงินทองหรือยศถาบรรดาศักดิ์เสมอไป แน่นอนว่าเงินที่ได้มาอาจช่วยให้เราซื้อของที่ต้องการได้ แต่หากได้มาจนเกินพอดีของที่ซื้อมานั้นก็อาจถูกหลงลืมและไม่มีค่าได้โดยง่ายเมื่อเราทิ้งขว้างมันไปในระยะเวลาอันสั้น
เช่นเดียวกับตำแหน่งหน้าที่การงานที่หลายคนรู้สึกว่าเป็นสิ่งดีที่เติบโตก้าวหน้ามีบทบาทสำคัญในองค์กร แต่คนก็มักลืมไปว่าตำแหน่งเหล่านี้ต้องแลกมาด้วยความรับผิดชอบสูง ความเครียดสูง ความกดดันสูง ฯลฯ ซึ่งหลายคนอาจไม่ได้พึงปรารถนาแต่อย่างใด
บางครั้งตำแหน่งหน้าที่ของเราอาจอยู่ในจุดสมดุลที่เราพึงพอใจมากแล้ว จึงไม่จำเป็นที่จะต้องขวนขวายดิ้นรนทั้งที่ยังไม่พร้อม เช่นเดียวกับรายได้ของเราที่อาจอยู่ในจุดที่เหมาะสมดีแล้ว คือเพียงพอต่อการใช้ในชีวิตประจำวัน มีเงินเหลือเก็บ มีเงินเหลือลงทุน ฯลฯ
เราเห็นตัวอย่างมากมายของหลายตระกูลที่มีอำนาจวาสนามากมายแต่กลับไม่มีความสุขในครอบครัวเพราะแก่งแย่งชิงทรัพยสินเงินทองทั้งที่แต่ละคนก็มีมากมาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าทรัพย์สินเงินทองและยศถาบรรดาศักดิ์นั้นอาจไม่มีความหมายอะไรเลย
ยังคงเหลืออีกหลายข้อที่ต้องขอยกยอดไว้ในสัปดาห์ต่อไปนะครับ...