'STelligence' ชูจุดยืนดัน AI หนุนขีดแข่งขันเศรษฐกิจไทย

'STelligence' ชูจุดยืนดัน AI หนุนขีดแข่งขันเศรษฐกิจไทย

'STelligence' ประกาศจุดยืนดัน AI หนุนขีดแข่งขันเศรษฐกิจไทย บริษัท STelligence เติบโตต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2013 เป็นหนึ่งในผู้นำการให้บริการด้าน ดิจิทัล โซลูชั่น ด้วยการมุ่งลงทุนอย่างเข้มข้นในด้าน AI Engineering !!!

“ผมเชื่อว่า เอไอ คือ จุดเปลี่ยนสำคัญที่สามารถยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยได้ในทุกภาคส่วน เรามุ่งมั่นที่จะผลักดันให้คนไทยใช้ รวมทั้งองค์กรของไทยสร้างและใช้ เอไอ เพื่อสร้างอิมแพคเชิงบวก ขับเคลื่อนจีดีพี และความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยอย่างเต็มที่”

ดร.สันติสุข ลิ้มปีติเจริญโชติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งบริษัท เอส เทลลิเจนซ์ (STelligence) กล่าวถึงเป้าหมายบริษัทฯ

ด้วยการมุ่งลงทุนอย่างเข้มข้นในด้าน AI Engineering และการพัฒนา เอไอ ที่สอดคล้องกับบริบทและการใช้งานในประเทศไทย อีกทั้งยังมีการร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ เพื่อรับฟีดแบค แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และแบ่งปันความรู้ บริษัทเชื่อว่านี่คือรากฐานที่แข็งแกร่งในการสร้างนวัตกรรมที่ยั่งยืนต่อไป

ทรานส์ฟอร์มธุรกิจมุ่งสู่ AI

STelligence เติบโตต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2013 เป็นหนึ่งในผู้นำในการให้บริการด้าน ดิจิทัล โซลูชั่น ครอบคลุม 3 กลุ่มธุรกิจสำคัญ คือ ไซเบอร์ซิเคียวริตี้ , ดาต้า อนาไลติกส์ และออโตเมชั่น หลังจากสถานการณ์โควิด บริษัทเล็งเห็นโอกาสเติบโตที่มากขึ้นจากการมาของเทคโนโลยีเจเนอเรทีฟ เอไอ (Generative AI) และการขยายตัวของฐานลูกค้า บริษัทจึงมุ่งลงทุนในด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อสร้างนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญา ควบคู่การพัฒนาบุคลากร สร้างมาตรฐานใหม่ในองค์กร ปรับโครงสร้างองค์กรให้มีความชัดเจนและคล่องตัวยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองต่อการเติบโตในอนาคต

ผลลัพธ์ของการทรานส์ฟอร์มธุรกิจ ส่งนำให้ STelligence เริ่มสร้างนวัตกรรมแพลตฟอร์มทางธุรกิจที่ผสมผสานเอไอ ออกสู่ตลาด 4 แพลตฟอร์ม ประกอบด้วย 1. Enterprise Risk Management แพลตฟอร์ม เอไอ ผู้ช่วยประเมินและบริหารจัดการความเสี่ยงขององค์กร 2. AI Market Insight แพลตฟอร์ม เอไอ วิเคราะห์ข้อมูลตลาด 3.Conversation Assessment System ระบบ เอไอ ตรวจสอบข้อมูลเสียงการสนทนา และ 4.Graph-driven Knowledge Management ระบบ เอไอ บริหารจัดการองค์ความรู้ภายในองค์กร

การมุ่งสร้างแพลตฟอร์มด้วยเทคนิค AI Engineering ที่นำสมัย ทำให้ STelligence ได้รับรางวัล Business Transformation สาขา AI Innovation จากเวที Microsoft Thailand Partner of The Year Awards 2024 ซึ่งตอกย้ำว่า STelligence เป็นพาร์ทเนอร์ Startup ของไมโครซอฟท์ที่โดดเด่นด้านเอไอ รายหนึ่ง

\'STelligence\' ชูจุดยืนดัน AI หนุนขีดแข่งขันเศรษฐกิจไทย

ล่าสุด STelligence ก้าวสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ นำเอไอช่วยจัดการข้อมูลที่ซับซ้อน เช่น ข้อกฎหมายไทย ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีทั้งรายละเอียดจำนวนมาก และมีความเชื่อมโยงที่ซับซ้อน ความก้าวหน้านี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการข้อมูลและสนับสนุนการตัดสินใจได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

ส่วน ดิจิทัล โซลูชั่น ทั้ง 3 ประเภทหลักของ STelligence ถูกพัฒนาเพิ่มเติมด้วยการเสริมศักยภาพของ Generative AI เช่น การนำ Generative AI มาใช้ในด้าน ไซเบอร์ซิเคียวริตี้ ทำให้การตรวจจับความเสี่ยงดีขึ้น รับมือกับปัญหาได้รวดเร็ว และแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากร

หรือการนำ เอไอ ไปใช้ร่วมกับฐานลูกค้า ออโตเมชั่น เดิม ทำให้เกิด Agentic Workflow Automation ที่ทำงานได้ยืดหยุ่นขึ้น รองรับยูสเคสที่หลากหลายมากขึ้นตามศักยภาพของ Generative AI ทำให้การผสาน เอไอ เป็นภารกิจสำคัญที่ STelligence มุ่งมั่นในการขับเคลื่อนองค์กรต่าง ๆ สู่ยุค เอไอ  ทรานส์ฟอร์เมชั่น อย่างราบรื่น รวดเร็ว เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสิทธิภาพสูงสุดจากการใช้งานเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน และได้รับความคุ้มค่าจากการลงทุนเทคโนโลยี

ขยายแพลตฟอร์ม AI สู่เป้า IPO

การทรานส์ฟอร์มธุรกิจครั้งใหญ่นี้ของ STelligence จะขับเคลื่อนไปยังเป้าหมายต่อไป คือ การเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (IPO) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ ภายในองค์กร สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ อยู่ในช่วงการสร้างการรับรู้ต่อตลาด เน้นนำกลยุทธ์แพลตฟอร์ม เอไอ ของบริษัท ฉายภาพให้เห็นความพร้อมของ STelligence ที่จะให้ความช่วยเหลือองค์กรในไทยยกระดับธุรกิจด้วย AI Transformation

ดร.สันติสุข ย้ำว่า “เราพร้อมที่จะช่วยองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ต้องการลงทุนด้าน เอไอ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งแน่นอนว่าเราจะทำให้ลูกค้าเห็นผลในปีหน้า”

แผนการตลาดในปัจจุบันครอบคลุมกลุ่มธุรกิจหลากหลายประเภท เช่น การเงินและธนาคาร อุตสาหกรรมการผลิต พลังงาน ราชการและรัฐวิสาหกิจ ค้าปลีก สุขภาพและสาธารณสุข ความยั่งยืน การศึกษา เทคโนโลยี ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และ กฎหมาย

‘สรุจ ทิพเสนา’ กรรมการบริหาร และ CTO บริษัท STelligence ขยายความว่า การนำ เอไอ มาช่วยในงานด้านกฎหมายและข้อกำหนดของอุตสาหกรรมต่างๆ ทำให้เราสามารถสร้างฐานข้อมูลที่ครอบคลุมและเชื่อมโยงข้อมูลกฎหมายกับข้อกำหนดเฉพาะได้อย่างครบถ้วน ลองนึกภาพว่าหากคุณดำเนินธุรกิจโรงงานและต้องการนำเข้าสารเคมี การมี เอไอ ช่วยค้นหาข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

ไม่ว่าจะเป็นด้านการนำเข้า การขนส่ง การจัดเก็บ มาตรการความปลอดภัย มาตรฐานสิ่งแวดล้อม หรือมาตรฐานวิศวกรรม เอไอ จะสามารถรวบรวมข้อมูลที่ซับซ้อนเหล่านี้มาให้คุณแบบ “ครบวงจร” ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยลดระยะเวลาการทำงาน แต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจของคุณอย่างมหาศาล และในภาพรวม ยังมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจและ จีดีพี ของประเทศได้อย่างยั่งยืน

สร้าง AI คนไทยหนุนแข่งระดับโลก

ทิศทางธุรกิจที่จะเติบโตอีกขั้น คือ การสร้างองค์กรให้พร้อมที่จะเป็นพาร์ทเนอร์กับลูกค้าในตลาดต่างประเทศ ทั้งในแง่ความร่วมมือทางเทคนิคและการสร้าง Domain Expert ในบริบททางธุรกิจของแต่ละอุตสาหกรรม โดยปัจจุบัน STelligence มีความร่วมมือกับคนไทยที่ทำงานในบริษัทระดับโลกในอุตสาหกรรมต่างๆ ความร่วมมือกับอาจารย์มหาวิทยาลัยในไทยที่มีความเข้าใจปัญหาในอุตสาหกรรม

รวมถึงการทำงานร่วมกับลูกค้าในแต่ละอุตสาหกรรม โดยใช้หลักของ Open Innovation ในการแลกเปลี่ยน แบ่งปันเทคโนโลยีและความชำนาญ ร่วมกับองค์กรภายนอก เพื่อพัฒนาโซลูชั่นด้าน เอไอ ที่เป็นตัวแทนของประเทศไทยเพื่อให้บริการกับองค์กรในต่างประเทศในอนาคต

สุดท้ายเราต้องการสร้างความยั่งยืนและสร้างศักยภาพในการพัฒนา เอไอในทุกๆ มิติให้กับลูกค้า พันธมิตร พนักงาน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ให้สามารถตอบสนองต่อความท้าทายใหม่ๆ และปรับตัวได้ทันเมื่อมีความก้าวหน้าของเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อให้ธุรกิจไทยขยายตัวและแข่งขันได้อย่างยั่งยืน ดร.สันติสุข ทิ้งท้าย