หมดช่วงลองใช้ Generative AI ปี 2568 ถึงเวลา 'ลงทุนจริงจัง'
ปี 2568 Generative AI จะหมดช่วง “ลองใช้” องค์กรทั่วโลกกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่การ "ลงทุนจริงจัง" เพื่อยกระดับประสิทธิภาพธุรกิจ
KEY
POINTS
- 97% ของ CEO ทั่วโลกคาด GenAI กระทบต่อธุรกิจ
- 99% องค์กรทั่วโลก รวมถึงใน APAC มีแผนลงทุนเพิ่มใน GenAI
- ในไทย กว่า 90% ระบุว่า อินฟราฯแบบเดิมคืออุปสรรคใช้งาน GenAI
- 70% ของ CEO ทั่วโลก (71% ใน APAC) เชื่อจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ปี 2025
- 51% ขององค์กรทั่วโลก (49% ใน APAC) ยังไม่ได้ปรับกลยุทธ์รับ GenAI
“เอ็นทีที เดต้า” เผย Generative AI หมดช่วง “ลองใช้” พบองค์กรทั่วโลกกำลังเปลี่ยนจากการทดลอง สู่การลงทุนจริงจังเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ
รายงานเรื่อง GenAI ระดับโลก : องค์กรกำหนดเส้นทางชีวิต GenAI ในปี 2025 ไว้อย่างไร หรือ “Global GenAI Report: How organizations are mastering their GenAI destiny in 2025” โดย “เอ็นทีที เดต้า (NTT DATA)” ผู้ให้บริการด้านธุรกิจดิจิทัลและไอทีระดับโลก พบว่า
องค์กรหลายแห่งกำลังเปลี่ยนจากการทดลองใช้ Generative AI (GenAI) ไปสู่การใช้งานจริงที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ รวมถึงยกระดับวัฒนธรรมองค์กร การปฏิบัติตามกฎระเบียบ ความปลอดภัย และความยั่งยืน
โดย เกือบทุกองค์กร 83% (94% ใน เอเชียแปซิฟิก) ที่ทำการสำรวจได้เริ่มลงทุนใน GenAI แล้ว โดยได้จัดตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน GenAI เพื่อพัฒนาและใช้งานเทคโนโลยีนี้ในระดับองค์กรผ่าน 3 ด้านหลัก ประกอบด้วย การให้คำแนะนำ และการจัดการองค์ความรู้แบบเฉพาะบุคคล, การควบคุมคุณภาพ, และการวิจัยและพัฒนา (R&D)
พลังแห่งการ ‘เปลี่ยนแปลง’
สำหรับเอเชียแปซิฟิก ยูสเคสการใช้งานหลักของ GenAI ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ประกอบด้วย การวิจัยและพัฒนา, การให้คำแนะนำและการจัดการองค์ความรู้เฉพาะบุคคล, และ การทำกระบวนการให้เป็นอัตโนมัติ (Process automation)
ยูทากะ ซาซากิ ประธานและ ซีอีโอ เอ็นทีที ดาต้า กรุ๊ป กล่าวว่า อนาคตนั้นชัดเจน Generative AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือธรรมดา แต่เป็นพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง
เมื่อเราก้าวข้ามช่วงการทดลองไปแล้ว องค์กรต้องเดินหน้าด้วยความรอบคอบ หากดำเนินการเร็วเกินไป อาจเกิดผลกระทบที่ไม่คาดคิด แต่ถ้าช้าเกินไปก็อาจล้าหลัง การใช้ GenAI อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพจึงไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งที่ต้องทำ นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราจัดทำแผนงานเพื่อช่วยให้ลูกค้าใช้ประโยชน์จากศักยภาพของ GenAI อย่างเต็มที่ เพื่อความสำเร็จที่ยั่งยืน
การสำรวจพบด้วยว่า สองในสามของผู้บริหารระดับ C-level ระบุว่า GenAI จะเปลี่ยนแปลงองค์กรอย่างมากใน 6 ด้าน ได้แก่ ผลงานและประสิทธิภาพ, ความยั่งยืน, การปฏิบัติตามกฎระเบียบ, กระบวนการทางธุรกิจ, ความปลอดภัย, ประสบการณ์ของพนักงาน
กุญแจยกระดับ ‘ธุรกิจ’
สำหรับเอเชียแปซิฟิก สองในสามของผู้ตอบแบบสอบถามที่เป็นผู้บริหารระดับ C-suite เชื่อว่า GenAI จะช่วยปรับปรุง 5 ด้านหลัก ได้แก่ ผลงานและประสิทธิภาพ, เป้าหมายด้านความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม, ด้านนวัตกรรม, ยกระดับความปลอดภัย, การปฏิบัติตามกฎระเบียบและกระบวนการ
การสำรวจพบว่า วงจรการรวมและบูรณาการเทคโนโลยี GenAI กำลังเริ่มเปลี่ยนแปลง โดยจากการผสมผสานแนวทางการทดลอง การปรับใช้โดยแบ่งเป็นระยะ และการทำโปรเจ็กต์แบบเฉพาะเจาะจง มีแนวโน้มว่าแผนการใช้จ่ายที่เน้นเฉพาะเจาะจงจะเข้ามาแทนที่การทดลองแบบกระจัดกระจายในช่วงไม่นานนับจากนี้
ผลการวิจัยที่สำคัญในส่วนนี้ประกอบด้วย กว่า 97% (99% ในเอเชียแปซิฟิก) คาดหวังผลกระทบที่สำคัญจาก GenAI ขณะที่ 70% ของซีอีโอทั่วโลก (71% ในเอเชียแปซิฟิก) คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในปี 2568
นอกจากนี้ 83% ขององค์กร (86% ในเอเชียแปซิฟิก) มีแผนกลยุทธ์เกี่ยวกับ GenAI แต่ 51% (49% ในเอเชียแปซิฟิก) ยังไม่ได้ปรับกลยุทธ์นั้นให้สอดคล้องกับแผนธุรกิจ ช่องว่างนี้จึงจำกัดผลตอบแทนจากการลงทุน และลดความพึงพอใจต่อผลลัพธ์ของ GenAI ในปัจจุบัน
จุดประกาย ‘ความคิดสร้างสรรค์’
ส่วนความท้าทาย ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ผู้ตอบแบบสอบถามเกือบทั้งหมดเห็นด้วยว่า GenAI สามารถจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ และปรับปรุงกระบวนการทางการวิจัยและพัฒนาได้
ดังนั้น ในขณะที่เทคโนโลยี GenAI ถูกนำมาใช้และมีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว องค์กรทั้งหลายจึงต้องประเมินและพัฒนากลยุทธ์ รวมถึงปรับรูปแบบการดำเนินงานอยู่เสมอ
โดยพบว่า 90% (91% ในเอเชียแปซิฟิก) ระบุว่าโครงสร้างพื้นฐานแบบเดิมเป็นอุปสรรคต่อการใช้งาน GenAI, ซีไอโอ และซีทีโอ กว่า 96% (97% ในเอเชียแปซิฟิก) เชื่อว่า โซลูชันบนระบบคลาวด์เป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดในการสนับสนุนแอปพลิเคชัน GenAI
ด้านวัฒนธรรมและบุคลากร การสำรวจพบว่า 96% ของผู้ตอบแบบสอบถามทั่วโลก (97% ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก) กำลังพิจารณาว่า GenAI สามารถปรับกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพได้อย่างไร รวมถึงรองรับการทำงานของพนักงานให้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม กว่า 67% (64% ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก) ระบุว่าพบปัญหาพนักงานในองค์กรขาดทักษะที่จำเป็นในการทำงานร่วมกับ GenAI และประมาณครึ่งหนึ่งมีแผนพัฒนาทักษะให้พนักงาน
'จุดเปลี่ยน' ประวัติศาสตร์โลก
สำหรับความท้าทายในการนำ GenAI ไปใช้งาน ผู้ใช้บางรายมองว่าโซลูชัน GenAI มีประโยชน์ที่จำกัด, มีการรับรู้เกี่ยวกับโซลูชัน GenAI อย่างจำกัดหรือไม่มีเลย, ผู้ใช้รู้สึกต่อต้านเทคโนโลยีนี้ และมีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยและความมั่นคงของ GenAI
ขณะที่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สิ่งที่เป็นอุปสรรคในการนำ GenAI ไปใช้งานมากที่สุด ได้แก่ ผู้ใช้บางรายมองว่าโซลูชัน GenAI มีประโยชน์จำกัด, ความจำเป็นในการฝึกอบรมผู้ใช้, ข้อกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของ GenAI, ข้อกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของ GenAI
นอกจากนี้ มีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย เมื่อ GenAI เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน การสร้างสมดุลระหว่างความรับผิดชอบและนวัตกรรมถือเป็นสิ่งจำเป็นทางศีลธรรม และเป็นกลยุทธ์สำคัญสำหรับผู้นำ องค์กร และสังคมโดยรวม
แม้จะเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญ ผู้ตอบแบบสำรวจ 68% (75% ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก) ยอมรับว่ารู้สึก “ตื่นเต้น” และ “ทึ่ง” กับศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงที่ GenAI ทำได้
สถานการณ์นี้นับเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในประวัติศาสตร์โลก เนื่องจาก GenAI กำลังก้าวขึ้นมาเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญในเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี